เปิดตัวเครื่องมือ บริการ และระบบคลาวด์ใหม่สำหรับนักพัฒนาบนทุกแพลตฟอร์ม
ซานฟรานซิสโก – 29 เมษายน 2558 – ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชัน เผยโฉมคุณสมบัติใหม่มากมายในระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 10 พร้อมด้วยชุดเครื่องมือเพื่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Kits; SDKs) ที่จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาจากทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเว็บแอพ .NET Win32 แอนดรอยด์ หรือไอโอเอส สามารถนำแอพของตนมารันบนวินโดวส์ 10 ได้อย่างง่ายดาย ในงานประชุมนักพัฒนา “บิลด์” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้เปิดตัวบริการด้านข้อมูลสำหรับแอพบนแพลตฟอร์มอาชัวร์ เครื่องมือและรันไทม์ Visual Studio และ .NET สำหรับการพัฒนาแอพบนวินโดวส์ แมค และลินุกซ์ พร้อมด้วย API ใหม่เพื่อการพัฒนาแอพบนแพลตฟอร์มออฟฟิศ 365
“ไมโครซอฟท์มีเป้าหมายที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มที่สนับสนุนการพัฒนาแอพทั้งบนวินโดวส์ อาชัวร์ และออฟฟิศ” สัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์ กล่าว “แพลตฟอร์มทั้งสามนี้จะผนึกกำลังกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น และชาญฉลาดกว่าที่เคย เพื่อเสริมศักยภาพให้กับผู้คนทั่วโลกนับพันล้านคน”
วินโดวส์ 10 ก้ามข้ามเส้นแบ่งระหว่างดีไวซ์ สร้างโอกาสใหม่ให้นักพัฒนา
ในโอกาสนี้ ไมโครซอฟท์ได้เผยถึงคุณสมบัติใหม่หลายประการในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 นับตั้งแต่การรองรับแอพพลิเคชันที่ใช้งานได้กับดีไวซ์ทุกรูปแบบ ไปจนถึงวิธีการใหม่ๆ ที่นักพัฒนาจะสามารถสร้างแอพสำหรับวินโดวส์ 10 ด้วยสถาปัตยกรรมระบบที่เปิดกว้างนี้ ไมโครซอฟท์จึงคาดการณ์ว่าจะมีดีไวซ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ทั่วโลกกว่า 1 พันล้านเครื่อง ภายในปี 2561
นักพัฒนาบนแพลตฟอร์ม Universal Windows นี้ จะสร้างสามารถสร้างแอพที่ใช้งานได้กับดีไวซ์ทุกขนาด โดยแอพจะสามารถปรับรูปลักษณ์และฟังก์ชันให้เข้ากับคุณลักษณะและขนาดของของดีไวซ์นั้นๆ ได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังอาจผนึกรวมฟีเจอร์อย่าง Cortana ซอฟต์แวร์ผู้ช่วยอัจฉริยะสำหรับผู้ใช้วินโดวส์ และ Xbox Live สำหรับคอเกม ระบบอีคอมเมิร์ซที่ปลอดภัยและมั่นคง และส่วนติดต่อผู้ใช้ในรูปแบบภาพโฮโลแกรม ก่อนจะนำเสนอแอพให้กับผู้ใช้ผ่านทางวินโดวส์ สโตร์ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเผยอีกว่าแอพสำหรับวินโดวส์ 10 จะสามารถใช้งานคุณสมบัติ Continuum เพื่อให้สมาร์ทโฟนวินโดวส์สามารถทำงานแทนที่คอมพิวเตอร์พีซีได้ ทั้งในด้านการทำงานและความบันเทิง1
ส่วนวินโดวส์ สโตร์ จะมอบประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง ผสานกันเป็นหนึ่งเดียวบนดีไวซ์ทุกรูปแบบ จึงทำให้การค้นหาคอนเทนท์ระดับคุณภาพ ทั้งแอพ เกม เพลง หรือวิดีโอ เป็นไปอย่างง่ายดายและสะดวกสบาย2 ขณะที่การซื้อขายคอนเทนท์เหล่านี้ก็จะรองรับวิธีการจ่ายเงินมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือถึง 90 ราย ซึ่งมากกว่าระบบปฏิบัติการอื่นๆ ทั้งนี้ คู่ค้าของไมโครซอฟท์หลายราย ไม่ว่าจะเป็น
ยูเอสเอ ทูเดย์ วีแชท ดิสนีย์ หรือเน็ทฟลิกซ์ ต่างก็ได้เริ่มต้นพัฒนาแอพใหม่ๆ สำหรับวินโดวส์ สโตร์แล้ว
เพื่อเป็นการต้อนรับนักพัฒนาแอพจากทุกระบบปฏิบัติการสู่แพลตฟอร์ม Universal Windows ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือเพื่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ใหม่ถึง 4 ชุด เพื่อให้นักพัฒนาสามารถปรับให้แอพจากเว็บ .NET Win32 ไอโอเอส และแอนดรอยด์ สามารถใช้งานได้บนวินโดวส์โดยแทบไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโค้ดของแอพเลย จึงทำให้นักพัฒนาสามารถนำโค้ดที่ใช้งานอยู่บนแอนดรอยด์หรือไอโอเอสมาผสานกับคุณสมบัติต่างๆ บนแพลตฟอร์ม Universal Windows ก่อนจะปล่อยแอพออกสู่ตลาดทางวินโดวส์ สโตร์ ได้ทันที
ส่วนไมโครซอฟท์ เอดจ์ เว็บบราวเซอร์ใหม่สำหรับวินโดวส์ 10 ก็ได้ออกมาเผยคุณสมบัติใหม่ด้วยเช่นกัน โดยบราวเซอร์ใหม่นี้จะช่วยให้แอพต่างๆ ออกสู่สายตาผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังรองรับการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ในอนาคตผ่านทาง JavaScript และ HTML
เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงโอกาสสำหรับนักพัฒนาบนแพลตฟอร์มวินโดวส์ 10 ไมโครซอฟท์ได้เผยถึงความคืบหน้าล่าสุดในการพัฒนาโฮโลเลนส์ (HoloLens) คอมพิวเตอร์ระบบโฮโลแกรมไร้สายเครื่องแรกของโลก ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 โดยหลังจากเปิดตัวไปเพียง 100 วัน ลูกค้าอย่างทริมเบิล มหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเซิร์ฟ และคลีฟแลนด์ คลินิก ต่างก็ได้นำเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ไปประยุกต์ใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวินโดวส์ 10 และโฮโลเลนส์ได้ที่บล็อก Blogging Windows
อาชัวร์ และ Visual Studio หนุนนักพัฒนาให้สร้างสรรค์แอพอัจฉริยะสำหรับหลายแพลตฟอร์มและดีไวซ์
ไมโครซอฟท์ยังได้เปิดตัว Azure SQL Database ระบบฐานข้อมูลแบบยืดหยุ่นได้ที่จะช่วยให้นักพัฒนาอิสระและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในรูปแบบของบริการ (software-as-a-service) สามารถบริหารทรัพยากรระบบเพื่อการจัดการฐานข้อมูลนับพันๆ ระบบรวมกัน จึงทำให้สามารถใช้ทรัพยากรระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังบริหารค่าใช้จ่ายได้คุ้มค่าเหนือกว่าบริการคลาวด์สาธารณะอื่นๆ และเพื่อให้นักพัฒนาสามารถรับมือกับข้อมูลปริมาณมหาศาลนี้ได้ ไมโครซอฟท์จึงได้พัฒนา Azure SQL Data Warehouse บริการคลังข้อมูลคลาวด์ระดับเอนเตอร์ไพรส์ระบบแรกของโลก ซึ่งสามารถขยาย ลดขนาด และหยุดการทำงานของฐานข้อมูลได้ตามสั่ง ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ส่วน Azure Data Lake ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเปิดที่รองรับการทำงานในหลายสเกล ก็รองรับไฟล์ขนาดหลายเพตะไบต์ได้ และยังทำงานสอดประสานกับ Azure HDInsight, Azure Machine Learning, Cloudera และ Hortonworks ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อวิเคราะห์และค้นหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์จากข้อมูลปริมาณมหาศาล
เพื่อให้นักพัฒนาทำงานได้คล่องตัวยิ่งกว่าเดิม ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวเครื่องมือและรันไทม์สมรรถนะสูงสำหรับหลากหลายแพลตฟอร์มและดีไวซ์ เช่น Visual Studio Code เครื่องมือแจกฟรีสำหรับเขียนโค้ดให้กับเว็บแอพและแอพในระบบคลาวด์ ซึ่งเปิดให้ผู้สนใจสามารถทดลองใช้ได้บนวินโดวส์ แมค และลินุกซ์ ส่วนในวงการโอเพน ซอร์ส และ .NET ไมโครซอฟท์ก็มีรุ่นทดลองใช้ของ .NET Core สำหรับวินโดวส์ ลินุกซ์ และแมค โอเอส เอ็กซ์ ส่วนนักพัฒนาบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ลินุกซ์ ไอโอเอส และแอนดรอยด์ ก็สามารถสร้างแอพใหม่ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย Visual Studio 2015 รุ่น Release Candidate ที่เปิดให้ทดสอบได้ก่อนออกวางจำหน่ายจริง
แพลตฟอร์มออฟฟิศ มอบโอกาสให้นักพัฒนาได้เข้าถึงฐานผู้ใช้ที่กว้างขวางมากขึ้น และสร้างสรรค์โซลูชั่นสุดชาญฉลาดเพื่อการทำงาน
เพื่อให้นักพัฒนาแอพสามารถเข้าถึงฐานผู้ใช้กว่า 1,200 ล้านคนของชุดโปรแกรมและบริการออฟฟิศ ไมโครซอฟท์จึงคิดค้น API และเครื่องมือใหม่ๆ ขึ้น ตัวอย่างเช่น Office Graph API ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ออฟฟิศ 365 รวมถึงรายละเอียดด้านบริการและการตอบโต้กันระหว่างผู้ใช้ในเครือข่ายที่ใช้งานออฟฟิศ 365 โดย Office Graph API รุ่นล่าสุดนี้ รองรับการทำงานกับออฟฟิศบนไอแพดและ Outlook ทั้งยังทำงานประสานกับ API อื่นๆ ในแอพและบริการอย่าง OneNote และ OneDrive ได้เป็นอย่างดี จึงเปิดโอกาสให้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถดึงข้อมูลอันมีค่าเหล่านี้มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับลูกค้า ทั้งในกลุ่มผู้บริโภคและองค์กร
ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์ อาชัวร์ Visual Studio และ Office Graph API ได้ที่นี่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (NASDAQ “MSFT”) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518 เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการ ซอฟต์แวร์ ดีไวซ์ และโซลูชั่นที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจ
1 ใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนระดับสูงบางรุ่นเท่านั้น จอภาพที่เชื่อมต่อต้องรองรับสัญญาณภาพระบบ HDMI อุปกรณ์เสริมจะวางจำหน่ายแยกต่างหากจากตัวเครื่อง
2 การเข้าถึงและใช้งานแอพอาจแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด