ทุกวันนี้ เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญที่แทบจะขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะเทคโนโลยีสามารถมอบพลังให้เราทำได้มากขึ้นในทุกชั่วขณะ นับตั้งแต่วินาทีที่ลืมตาตื่นไปจนถึงเวลาพักผ่อนยามค่ำคืน
กระแสความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้ทำให้ทวีปเอเชียมีอัตราการเติบโตของฐานผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสูงกว่าภูมิภาคใดในโลก ขณะที่ประเทศไทยเองมีอุตสาหกรรมไอทีที่คึกคักเป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย ด้วยอัตราการใช้งานโทรศัพท์มือถือและเครือข่ายสังคมที่สูงติดอันดับโลก ซึ่งล้วนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใต้อิทธิพลของเทคโนโลยีโมบายและคลาวด์
แต่ในขณะเดียวกัน เรากลับพบว่ามีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงพลังของเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนชีวิตให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
ในฐานะผู้พัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มเพื่อจุดประกายความสำเร็จในโลกยุคโมบายและคลาวด์ ไมโครซอฟท์มีจุดมุ่งหมายที่จะเสริมศักยภาพให้ทุกคนและทุกองค์กรบนโลกนี้บรรลุผลสำเร็จที่ดียิ่งกว่า ด้วยเหตุนี้เอง ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จึงทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อเปลี่ยนเทคโนโลยีให้กลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของคนไทยทั้ง 70 ล้านชีวิต
ไมโครซอฟท์พร้อมก้าวสู่อนาคตเคียงข้างประเทศไทย
“จุดมุ่งหมายของเราในประเทศไทยคือการมอบนวัตกรรมที่ช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้มากกว่า ในโลกยุคโมบายและคลาวด์”
หนึ่งในหัวใจหลักในธุรกิจของไมโครซอฟท์คือการมุ่งส่งเสริมศักยภาพและขับเคลื่อนการเติบโตให้กับทุกคน โดยตลอด 22 ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ทำงานอย่างแข็งขันในฐานะพันธมิตรของเมืองไทยด้วยวิสัยทัศน์ในระยะยาว
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์มีพนักงานรวม 200 คนในประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจอีกกว่า 1,800 รายที่พร้อมจะเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของเราให้กลายเป็นจริง ความร่วมมือของไมโครซอฟท์และพันธมิตรได้สร้างแรงผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยจากรายได้ทุกๆ 1 เหรียญสหรัฐของไมโครซอฟท์ เราสามารถช่วยให้พันธมิตรในประเทศไทยสร้างรายได้ต่อได้ถึง 12 เหรียญสหรัฐ
ไมโครซอฟท์ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความสำเร็จในทุกด้าน นับตั้งแต่การยกระดับกลุ่มธุรกิจ SME ไปจนถึงการสนับสนุนให้เยาวชนสานฝันให้เป็นจริงด้วยเทคโนโลยี
การศึกษาและเยาวชน: เสริมศักยภาพให้คุณครูและนักเรียนสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าด้วยเทคโนโลยี
“มุ่งสนับสนุนคุณครูและนักเรียนให้สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมา และสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา”
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง และรากฐานนี้เองคือจุดเริ่มต้นในภารกิจเพื่อสังคมของไมโครซอฟท์ โครงการและกิจกรรมเพื่อการศึกษาของเราในประเทศไทยได้สร้างประโยชน์ให้กับบุคลากรครูและนักเรียนรวมกว่า 10 ล้านคนด้วยกัน
ในปี 2558 โครงการไมโครซอฟท์ ยูธสปาร์คได้ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนกว่า 580 คน และครูผู้สอนอีกกว่า 100 คนทั่วประเทศไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ไมโครซอฟท์ได้จัดกิจกรรมยูธสปาร์ค ไลฟ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ภายใต้ความร่วมมือกับสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน (สอ.ดย.) เพื่อมุ่งสนับสนุนให้เยาวชนไทยได้วางแผนอนาคตและเป้าหมายทางสายอาชีพ พร้อมรับคำชี้แนะด้านทักษะสำคัญ ความเข้าใจในเทคโนโลยี และการเข้าถึงโครงการและกิจกรรมที่จะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมได้ โดยมีเยาวชนอายุ 17-25 ปี จำนวนกว่า 120 คนเข้าร่วมงาน
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ ยังได้จับมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (PDA) และศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารและการพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช (CCDKM) ในการเดินหน้าสานต่อโครงการยูธสปาร์ค เพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นเยาว์สำหรับธุรกิจขนาดย่อม ภายใต้กิจกรรม YouthSpark – Enhancing ICT for Youth SMEs ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยโครงการนี้มอบเงินทุนเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบาท เพื่อฝึกอบรมทักษะด้านไอที อีคอมเมิร์ซ และอี-บิสซิเนสให้กับนักธุรกิจหน้าใหม่วัยเยาว์โดยเฉพาะ
นับตั้งแต่การก่อตั้งโครงการดังกล่าวขึ้นในปี 2556 เป็นต้นมา มีเยาวชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการรวมแล้วกว่า 48,000 คน และได้มีการพัฒนาบล็อก (Blog) เพื่อธุรกิจขึ้นมาแล้วมากกว่า 120 บล็อก
“วิธีการสอนรูปแบบใหม่ที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน ด้วยทักษะเพื่อการใช้ชีวิตและการทำงานในอนาคต”
ส่วนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเชาวน์ สุวรรณชล ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการยกระดับการเรียนรู้และสร้างสรรค์ในห้องเรียน ด้วยเครื่องมืออย่างแอพพลิเคชัน PowerPoint, OneNote และ Sway แอพล่าสุดในตระกูล Office สำหรับการนำเสนอเรื่องราวในรูปแบบใหม่บนทุกดีไวซ์ ลูกศิษย์ของคุณครูเชาวน์ได้เรียนรู้ถึงการออกแบบแผนภาพจากเนื้อหาการเรียนการสอน และนำสื่อสังคมออนไลน์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านการศึกษา ทั้งหมดนี้ช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาทั้งความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีในระดับพื้นฐาน ควบคู่ไปกับทักษะการคิดวิเคราะห์ การนำเสนอข้อมูล และการทำงานเป็นทีม
ด้วยจิตวิญญาณแห่งความสร้างสรรค์ที่แรงกล้านี้ คุณครูเชาวน์จึงได้รับเลือกเป็นตัวแทนครูจากประเทศไทยบนเวทีด้านการศึกษาระดับโลก Microsoft Global Educator Exchange (E2) ซึ่งจัดขึ้นที่ เมืองเรดมอนด์ รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนเมษายน 2558
เรื่องราวของคุณครูเชาวน์ได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของเทคโนโลยีในการเสริมศักยภาพของบุคลากรครูและยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน อย่างไรก็ดี ครูอาจารย์หลายท่านในประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไมโครซอฟท์จึงได้จัดตั้งโครงการ Partners in Learning (PiL) เพื่อเปิดเวทีให้ครูไทยได้ร่วมแบ่งปันความรู้และแนวทางที่ดีในการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
นอกเหนือจากโครงการเหล่านี้แล้ว ไมโครซอฟท์ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สัมผัสกับเครื่องมือต่างๆ ที่พวกเขาต้องนำไปใช้ในชีวิตการทำงาน ผ่านทางโครงการสิทธิประโยชน์สำหรับนักศึกษา หรือ Student Advantage โดยโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ให้นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรของสถาบันสามารถใช้งาน Office 365 ชุดซอฟต์แวร์เพื่อการทำงานที่ทั่วโลกไว้วางใจ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ในปี 2558 มีสถาบันการศึกษาชั้นนำรวม 10 แห่งในประเทศไทยที่ได้รับสิทธิประโยชน์ผ่านทางโครงการ Student Advantage เป็นกลุ่มแรก จึงทำให้นักเรียน คณาจารย์และบุคลากรของทั้ง 10 สถาบันสามารถใช้งานชุดเครื่องมือและบริการระดับโลกอย่าง Office 365 ProPlus เทียบเท่ากับองค์กรชั้นนำระดับฟอร์จูน 500 ของสหรัฐอเมริกา
“โค้ดคือภาษาแห่งอนาคต”
เพื่อวางรากฐานสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในอนาคต ไมโครซอฟท์ได้เดินหน้าจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญของการเขียนโค้ด ซึ่งเปรียบเสมือนภาษาสากลสำหรับอนาคต โดยเริ่มจากกิจกรรม #WeSpeakCode ในเดือนมีนาคม 2558 ซึ่งมีเยาวชนไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ดกว่า 200 คนมาร่วมกันเสริมสร้างทักษะการเขียนโค้ด ส่วนในเดือนธันวาคม 2558 เยาวชนไทยอายุ 6-20 ปีรวมกว่า 300 คนได้มารวมตัวกันที่สำนักงานของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เพื่อร่วมกิจกรรม “Hour of Code” ซึ่งมุ่งฝึกสอนทักษะการเขียนโค้ดผ่านทางบทเรียนและชุดเครื่องมือที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Minecraft เกมสุดฮิตจากฝีมือการพัฒนาของ Mojang AB ในรูปของปริศนาและกิจกรรมการทดลองแบบอิสระที่ออกแบบขึ้นเพื่อแนะนำแนวคิดในการเขียนโค้ดจริง
นวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศไทยให้เดินหน้าด้วยเทคโนโลยี
“สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนประกายความคิดให้เป็นนวัตกรรมอันทรงพลัง”
ไมโครซอฟท์เชื่อว่า เยาวชนเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและความก้าวหน้า และการแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลกสำหรับเยาวชนอย่าง Imagine Cup ก็ถือเป็นการตอกย้ำแนวคิดนี้ด้วยการเปิดเวทีให้นักคิดรุ่นเยาว์จากทั่วโลกได้มีโอกาสในการนำเสนอไอเดียสุดสร้างสรรค์แก่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไอที ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะทั้งในเชิงเทคนิคและเชิงธุรกิจ เพื่อเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของพวกเขาให้กลายเป็นความจริง
เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของเยาวชนไทยในฐานะแชมป์โลกสามสมัย ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรม Dare to Imagine for Thailand (#daretoimagineTH) ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน Imagine Cup Thailand 2015 เพื่อเฟ้นหาไอเดียสร้างสรรค์สำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชัน โดยมีนักคิดร่วมส่งผลงานเข้าแข่งขันถึง 40 ไอเดียจากทั่วประเทศ ผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่องด้วยการจับมือกับกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมไมโครซอฟท์ หรือ Microsoft Innovation Center (MIC) ขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ของ สวทช. ในกรุงเทพฯ
ศูนย์นวัตกรรมไมโครซอฟท์ ณ สวทช. นับเป็นหนึ่งใน 113 ศูนย์นวัตกรรมไมโครซอฟท์ที่ตั้งอยู่ทั่วโลก โดยมุ่งให้บริการทรัพยากรและความช่วยเหลือด้านไอทีระดับโลก สำหรับนักเรียนนักศึกษา ผู้ประกอบการ และ สตาร์ทอัพ ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการอบรมทักษะการเขียนแอพพลิเคชั่นให้กับนักศึกษา การจับคู่ธุรกิจ และให้คำปรึกษาในการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งในปัจจุบันมีสตาร์ทอัพกว่า 50 แห่ง ก่อตั้งขึ้นจากความสนับสนุนและช่วยเหลือจาก MIC ขณะที่นักพัฒนาแอพหน้าใหม่อีกหลายคนก็ได้รับโอกาสทางสายอาชีพผ่านทางเครือข่ายของศูนย์แห่งนี้
ส่วนสตาร์ทอัพไทยที่ต้องการนำพลังอันยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้งาน ก็สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ Microsoft BizSpark ได้ โดยในปี 2558 ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยได้ขยายโครงการ BizSpark Plus เพื่อให้สตาร์ทอัพที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถใช้บริการคลาวด์จากแพลตฟอร์มไมโครซอฟท์ อาชัวร์ รวมมูลค่ากว่า 120,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมด้วยเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา และการสนับสนุนทางเทคนิคที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพไทยประสบความสำเร็จ
ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ: ป้องกันทุกภัยร้ายในโลกยุคใหม่ที่เชื่อมถึงกัน
“บริการคลาวด์ที่ปลอดภัยที่สุด มอบความมั่นใจเต็มเปี่ยมให้กับลูกค้า”
ปัจจุบัน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และบริการออนไลน์ต่างๆ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ไมโครซอฟท์จึงเชื่อว่าการมอบเทคโนโลยีที่ปลอดภัย ไว้วางใจได้ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งทั้งในระดับชาติ ระดับองค์กร และระดับบุคคล เพราะคงไม่มีใครเลือกใช้เทคโนโลยีที่ตนเองไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย โดยเฉพาะในโลกยุคคลาวด์ที่ทุกสิ่งเชื่อมถึงกันได้
ภัยร้ายอย่างมัลแวร์และอาชญากรรมไซเบอร์ที่เพิ่มมากขึ้นในระยะหลังได้ทำให้ประเด็นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา ส่วนข่าวการโจมตีและจารกรรมข้อมูลในระดับโลกก็ได้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ประเทศระดับมหาอำนาจของโลกก็ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากรูปแบบการจู่โจมที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน และแน่นอนว่าประเทศไทยก็ต้องรับมือกับภัยร้ายนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของประเด็นเหล่านี้ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคมาร่วมเสวนากันในงาน Microsoft Thailand Cyber Trust Experience ซึ่งจัดขึ้นควบคู่กับงานประชุมประจำปีด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ 2015 (Cyber Defense Initiative Conference 2015) ในเดือนตุลาคม 2558
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ได้วางมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วทั้งเอเชีย รวมถึงในประเทศไทยด้วย ในฐานะองค์กรผู้บริหารจัดการระบบไอทีที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เราได้พัฒนาระบบความปลอดภัยสำหรับทั้งแพลตฟอร์ม ผลิตภัณฑ์ และบริการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานนับทศวรรษ ทั้งยังเหนือกว่าด้วยศักยภาพเชิงรุกที่พร้อมพลิกสถานการณ์ให้อาชญากรไซเบอร์ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานบนแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย และยกระดับความเข้าใจในด้านนี้ให้เท่าทันทุกสถานการณ์
ความหลากหลายและความเสมอภาค: โอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน
เพื่อสานต่อพันธกิจขององค์กรและเสริมศักยภาพให้บุคคลและองค์กรทั่วโลกก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่างแท้จริง ไมโครซอฟท์เองต้องเดินหน้าทำงานอย่างขันแข็งยิ่งกว่าที่เคย เพราะเราตระหนักดีว่าการจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดนี้ให้ได้นั้น ต้องเริ่มต้นด้วยการมอบโอกาสที่เสมอภาคสำหรับทุกคน
หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้ทำงานเพื่อเสริมสร้างความหลากหลายและความเสมอภาคมากว่า 20 ปี เราจึงเข้าใจดีว่าความสำเร็จในด้านนี้ไม่ได้มาในรูปของเป้าหมายที่ตายตัว หากแต่เป็นเส้นทางอันยาวไกลที่ต้องอาศัยการประเมินตัวเองและความต่อเนื่องเป็นสำคัญ สำหรับในประเทศไทย ไมโครซอฟท์มุ่งมั่นที่จะมอบโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในการเข้าถึงความรู้ที่จำเป็นต่อความสำเร็จในหน้าที่การงานและการทำธุรกิจ
หนึ่งในสิ่งที่ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดคือการผลักดันให้บุคคลทุพพลภาพมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยพลังของเทคโนโลยี ดังเช่นเรื่องราวของนายประวัติ ธรรมธงค์ ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ผู้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางด้านร่างกายเพื่อเดินตามความฝันของตนได้สำเร็จ หลังจากที่ได้สูญเสียขาทั้งสองข้างจากอุบัติเหตุจนต้องละทิ้งอาชีพเกษตรกร นายประวัติตัดสินใจเดินทางไกลกว่า 600 กิโลเมตร เพื่อมาสมัครเข้าร่วมหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาชีพด้านคอมพิวเตอร์ของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ (Redemptorist Foundation for People with Disabilities หรือ RFPD) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์
หลักสูตรดังกล่าวได้มอบทักษะความรู้ด้านไอทีให้นายประวัติสามารถนำไปประกอบวิชาชีพหารายได้ให้ครอบครัว นอกจากนี้ เขายังได้เรียนรู้ถึงการสร้างและบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ รวมถึงการทำงานเอกสารต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบัน นายประวัติยังมุ่งค้นหาหนทางใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเองผ่านสื่อเรียนรู้ต่างๆ ในโลกออนไลน์อีกด้วย
ในกรุงเทพฯ นักศึกษาระดับปริญญาโทกลุ่มนึงได้นำเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์มาใช้เป็นพื้นฐานในการคิดค้นและพัฒนาแอพพลิเคชัน Wheel-Go-Round ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้รถเข็นตามสถานที่ต่างๆ ในตัวเมือง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานของหน่วยงานภาครัฐหรือสถานที่ท่องเที่ยว
นอกจากการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ทุพพลภาพแล้ว ไมโครซอฟท์ยังให้ความสำคัญกับการต่อต้านขบวนการค้ามนุษย์เช่นกัน โดยในเดือนมิถุนายน 2558 ไมโครซอฟท์ได้ร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration หรือ IOM) เพื่อจัดทำเว็บไซต์ 6Degree.org ซึ่งเป็นช่องทางระดมทุนสาธารณะที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมกันช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างยั่งยืน
เว็บไซต์ 6Degree พัฒนาขึ้นโดยใช้แพลตฟอร์มคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ เป็นพื้นฐาน ภายใต้ความดูแลของ IOM X ซึ่งเป็นโครงการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้การสนับสนุนขององค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) พร้อมด้วยบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ AvePoint
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเชื่อว่าทุกคนควรจะได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันทางวิชาชีพ โดยไม่มีการแบ่งแยกหรือกีดกันในเรื่องเพศหรือเชื้อชาติแต่อย่างใด
ผลสำรวจที่จัดทำขึ้นในปี 2557 เปิดเผยว่าผู้หญิงที่ทำงานในวงการไอที มีอัตราส่วนเพียง 29.1% ของแรงงานทั้งหมดในอุตสาหกรรมนี้ สถิตินี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะการขาดมุมมองและความเข้าใจในผู้บริโภคสินค้าหรือบริการไอทีในภาพรวม อันจะนำไปสู่ปัญหาในด้านการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคของผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีต่างๆ
ในเดือนกันยายน ไมโครซอฟท์ได้จัดงาน เทคเฟม ไทยแลนด์ 2015 (TechFemme Thailand 2015) ขึ้นเพื่อสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในธุรกิจไอทีมากขึ้น โดยมีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองด้านการทำงานในวงการไอทีไทยให้แก่นิสิตนักศึกษาหญิง พร้อมกันนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างนิสิตนักศึกษาหญิงที่สนใจในการทำงานด้านธุรกิจไอที และสนับสนุนให้เกิดความหลากหลายทางเพศต่อไปในระยะยาว
งาน เทคเฟม ไทยแลนด์ 2015 ถือเป็นครั้งแรกของโครงการเทคเฟมในประเทศไทย โดยมีการจัดกิจกรรมคู่ขนานกันไปในอีก 5 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและเวียดนาม
ผู้คนและวัฒนธรรม: ร่วมเรียนรู้กันและกันไปกับทุกคนทั่วโลก
“เราต้องการให้ไมโครซอฟท์มีวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ พร้อมพัฒนาและเติบโตผ่านทางการเรียนรู้ ทั้งจากตัวเราเองและลูกค้า”
สัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์
ไมโครซอฟท์ได้รวบรวมบุคลากรที่มีประสบการณ์ ทักษะความสามารถ และความสนใจในหลากหลายด้านไว้ด้วยกัน ผ่านทางความหลงใหลในเทคโนโลยี และความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนโลกด้วยนวัตกรรม ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงมีวัฒนธรรมในองค์กรที่เคารพในมุมมองและทักษะที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมจะต้องอาศัยความเข้าใจมุมมองและความต้องการของลูกค้าและพันธมิตรผู้เกี่ยวข้องทุกราย สำหรับไมโครซอฟท์เอง เรามีโครงการต่างๆ มากมายที่เปิดโอกาสให้บุคลากรได้สัมผัสกับลูกค้าของบริษัทในปัจจุบัน และบุคคลอื่นๆ ที่อาจกลายเป็นลูกค้าของเราในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรในวงการไอที นักเรียนนักศึกษา หรือธุรกิจในภาคชุมชน เพื่อให้สามารถทำความเข้าใจมุมมองของลูกค้าได้ดียิ่งข้น และนำไปสู่การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม
“การทำงานที่ไมโครซอฟท์ทำให้ฉันได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมอาสาสมัครต่างๆ ฉันยังจำได้ถึงครั้งแรกที่ได้เดินทางร่วมกับพนักงานอาสาสมัครคนอื่นๆ ไปทาสีห้องสมุดเมื่อปี 2548 ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก ความร่วมมือของพวกเราในวันนั้นช่วยให้เด็กๆ ในพื้นที่มีสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือ เพื่อค้นคว้าหาความรู้ต่อไป”
สุมล อนันตธนะสาร (ขวา) หัวหน้าสายธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
พนักงานของไมโครซอฟท์ในประเทศไทยสามารถอาสาเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมได้ปีละสองวัน โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา หนึ่งในกิจกรรมที่พนักงานได้มีโอกาสร่วมสร้างสรรค์สังคมก็คือโครงการร่วมพัฒนาหมู่บ้าน (Village Development Partnership หรือ VDP) ที่จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ในโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นเสริมสร้างศักยภาพในการทำธุรกิจของหมู่บ้านและชุมชนในชนบท
ภายใต้โครงการดังกล่าว อาสาสมัครจากไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อพัฒนาสื่อโฆษณาออนไลน์สำหรับผลิตภัณฑ์กล้วยตาก โดยให้ความช่วยเหลือกับเกษตรกรในการเปิดบัญชีอีเมล์และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถทำตลาดสินค้ากับฐานลูกค้าที่กว้างขวางกว่าที่เคย เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมลงแล้ว ผลปรากฎว่ายอดขายกล้วยตากของชาวบ้านเพิ่มสูงขึ้น 10%
ในปีเดียวกันนี้เอง อาสาสมัครจากไมโครซอฟท์ได้ใช้เทคโนโลยีช่วยเสริมสร้างศักยภาพของเด็กนักเรียนด้อยโอกาส ผ่านทางหลักสูตรสอนภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ที่จัดขึ้น ณ โรงเรียนมีชัยพัฒนา ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยใช้แอพพลิเคชันของไมโครซอฟท์อย่าง Skype เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าเด็กๆ สามารถเรียนภาษาอังกฤษผ่านเทคโนโลยีได้
ไมโครซอฟท์มีศักยภาพที่โดดเด่นและแตกต่างในการผนวกทั้งดีไวซ์ แอพพลิเคชัน เอกสาร ข้อมูล และสื่อสังคมออนไลน์เข้าด้วยกัน ทั้งเพื่อการทำงานและการใช้ชีวิต โดยมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการให้ผู้ใช้ก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ด้วยเหตุนี้ ไมโครซอฟท์จึงได้วางเป้าหมายหลักของบริษัทไว้ 3 ประการ ได้แก่ การปฏิรูปการทำงานและกระบวนการสร้างประสิทธิภาพทางธุรกิจ การสร้างเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการแต่ละบุคคล และการสร้างแพลตฟอร์มคลาวด์อัจฉริยะ
ไมโครซอฟท์จะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เสริมความแข็งแกร่งให้ทุกชาติทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น พร้อมมุ่งสู่อนาคตที่เปี่ยมด้วยการแข่งขันอย่างเสรี นวัตกรรมสุดสร้างสรรค์ และสร้างความเสมอภาคของการเข้าถึงองค์ความรู้ โดยเราพร้อมที่จะก้าวเดินไปสู่อนาคตนี้พร้อมกับคนไทยทุกคน