ไมโครซอฟท์มุ่งสร้างอนาคตยุค AI เพื่อคนไทย จับมือทุกภาคส่วน วางรากฐานการพัฒนาดิจิทัล เปิดโอกาสให้กับทุกคน

Executives on large stage
  • ประสานภาครัฐ สร้างสรรค์ AI เพื่อความยั่งยืน ผ่านการสนับสนุน ด้าน วางแนวทางปฏิรูป เพิ่มทักษะ และร่วมสร้างรากฐาน 
  • ผนึกกำลังกระทรวง DES จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา AI เปิดเวทีให้นักคิดไทยได้ร่วมขับเคลื่อนภาคการเกษตรและสมาร์ทซิตี้ พร้อมจับมือ สพธอเสริมความเข้าใจในนวัตกรรมล่าสุดให้กับผู้บริหารไทย ด้วยหลักสูตรระดับโลก AI Business School 
  • หนุนภาคการศึกษาอย่างทั่วถึง เสริมศักยภาพทางเทคโนโลยีให้นิสิตนักศึกษาใน 25 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พร้อมลงพื้นที่ EEC เพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรครู ขยายผลให้เข้าถึงเยาวชนกว่า 50,000 คน 
  • สนับสนุนการสร้างมาตรฐานเชิงจริยธรรมในการพัฒนาและใช้งาน AI ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลและกระทรวง DES 

กรุงเทพฯ  23 ธันวาคม 2562 – ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เผยความร่วมมือกับหลากหลายภาคส่วนตลอดปีที่ผ่านมา ภายใต้พันธกิจการขับเคลื่อนประเทศไทยบนเส้นทางดิจิทัลด้วยนวัตกรรม AI ระดับโลก ผ่านการวางรากฐานทางเทคโนโลยี แนวทางการปฏิรูป และการเพิ่มทักษะให้บุคลากรทุกระดับ พร้อมจุดประกายมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ เพื่อให้ AI อยู่เคียงข้างสังคมไทยอย่างปลอดภัยและยั่งยืน 

จากผลสำรวจที่เปิดเผยไปในช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่ามีองค์กรในประเทศไทยเพียง 26% เท่านั้น ที่ได้นำ AI เข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักในกลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับอนาคต ไมโครซอฟท์จึงได้ลงนามในความร่วมมือกับหน่วยงานมากมาย เพื่อปูทางไปสู่ก้าวต่อไปที่แข็งแกร่ง สมบูรณ์ และสมดุล ในการพัฒนาเชิงนวัตกรรมดิจิทัลของไทยในปี 2563 ไม่ว่าจะเป็นในภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม การวิจัยและพัฒนา การศึกษา หรือสังคม 

จับมือกระทรวง DES ตั้งศูนย์ AI มุ่งหนุนการเกษตรและสมาร์ทซิตี้ 

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เพื่อจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา AI ขึ้นในประเทศไทย ภายใต้จุดมุ่งหมายสูงสุดในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยในระยะแรก ศูนย์วิจัยแห่งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การยกระดับภาคการเกษตรและการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ให้เป็นรูปธรรม 

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้กลายเป็นองค์ประกอบที่สร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเต็มที่นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจที่ลึกซึ้งในทุกระดับ การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา AI แห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นช่องทางให้ไมโครซอฟท์สามารถนำแนวทางปฏิบัติที่ผ่านบทพิสูจน์ความสำเร็จบนเวทีโลกมาแบ่งปันให้นักคิดไทยได้นำไปปรับใช้เท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่เชื่อมโยงทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคโนโลยี สถาบันการศึกษา หรือแม้แต่นักลงทุน ให้ผสานกันเป็นระบบนิเวศเชิงนวัตกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น” 

ศูนย์วิจัยและพัฒนา AI นี้ จะประกอบไปด้วย องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 

  • National AI Platform บนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure ที่เป็นรากฐานสำหรับการขับเคลื่อนนวัตกรรม บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ และสนับสนุนงานวิจัยด้าน AI 
  • Innovation Hub ศูนย์กลางการพัฒนาโครงการเชิงนวัตกรรมให้ก้าวจากแนวคิดสู่ความเป็นจริง เฟ้นหาจุดตั้งต้นที่เหมาะสมในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถก้าวข้ามความท้าทายที่คนไทยยังต้องเผชิญ และให้การสนับสนุนในการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ 
  • Education & Talent Development การวางโครงสร้าง แพลตฟอร์ม เครื่องมือ และคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่จะเสริมสร้างความเข้าใจทางธุรกิจและเทคโนโลยีอย่างสอดคล้องกัน จนเกิดเป็นบุคลากรคุณภาพที่พร้อมผลักดันโครงการเชิงนวัตกรรมไปสู่จุดหมาย 
  • National AI Cluster ศูนย์กลางสำหรับนักคิดนักพัฒนาจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ที่เปิดเวทีให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันคิด คัด เลือก และต่อยอดนวัตกรรม AI ไปสู่ผลงานที่เป็นรูปธรรม โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมภาคการเกษตรด้วยโซลูชั่น FarmBeats ซึ่งเป็นการยกระดับศักยภาพของเกษตรกรด้วยข้อมูล 
  • Incubator พื้นที่สำหรับหน่วยงาน องค์กร และนักลงทุนที่ต้องการสนับสนุนและบ่มเพาะสตาร์ทอัพหน้าใหม่ให้เติบโต สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่จำเป็น และก้าวสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยถือเป็นช่องทางสำคัญในการเปิดโอกาสให้นักคิด นักพัฒนาได้เข้าถึงทรัพยากรจาก องค์ประกอบข้างต้นนี้อย่างครบถ้วน 

ยกระดับองค์ความรู้ เติมความเข้าใจ ให้นักวิจัย ผู้บริหาร และภาคการศึกษาได้คว้าโอกาสจาก AI 

ในปี 2563 นี้ ไมโครซอฟท์และสถาบันเศรษฐกิจอนาคตและธรรมาพิบาลอินเทอร์เน็ต โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) จะร่วมกันเสริมสร้างความเข้าใจในนวัตกรรม AI ให้กับกลุ่มผู้นำและผู้บริหารระดับสูงทั่วไทย ผ่านทางโครงการ e-Training ในหลักสูตร AI Business School ซึ่งไมโครซอฟท์ได้พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างพื้นฐานให้ผู้นำยุคใหม่สามารถกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ขององค์กรในโลกยุค AI พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นใจ 

Executives in front of blue backdrop

หลักสูตร AI Business School สำหรับผู้บริหารไทยนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Future Economy and Internet Governance – Executive Program (FEGO) โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุม ด้านหลัก ได้แก่ 

  • AI Strategy – การวางโครงสร้างทางความคิด เพื่อกำหนดบทบาทของ AI ในกลยุทธ์ขององค์กรอย่างรอบคอบและตรงเป้า 
  • AI Culture – การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้เปิดรับ AI อย่างทั่วถึงในทุกด้าน ทุกแผนก โดยรวมถึงหน่วยงานที่โดยทั่วไปอาจห่างไกลจากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเงิน การตลาด ฝ่ายขาย หรือฝ่ายบริการลูกค้า เป็นต้น 
  • Responsible AI – การวิเคราะห์ผลกระทบที่แท้จริงของ AI ที่มีต่อธุรกิจในแง่การบริหารงาน ความโปร่งใส การจัดการทรัพยากรบุคคล และจริยธรรม 
  • Technology of AI – การทำความรู้จักกับนวัตกรรม AI ล่าสุดที่องค์กรสามารถนำมาใช้งานได้ 

ไมโครซอฟท์ยังได้ออกแบบเนื้อหาในหลักสูตร AI Business School ให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกันไปของแต่ละธุรกิจและองค์กร โดยตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จะมีการจัดอบรมสำหรับกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน (เดือนมกราคม) สาธารณสุขและการแพทย์ (กุมภาพันธ์) ค้าปลีก (มีนาคม) ภาคการผลิต (เมษายน) การศึกษา (พฤษภาคม) และหน่วยงานของภาครัฐ (มิถุนายน) 

ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้ประกาศความร่วมมือเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านงานวิจัยเชิงเทคโนโลยีให้กับทั้งนักเรียนนักศึกษา นักวิจัยใน 25 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดของกระทรวง อวโดยที่มีการนำแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับโลกเพื่อการเรียนรู้มาปรับใช้ถึงสองแพลตฟอร์ม ได้แก่ Microsoft Imagine Academy แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับสถานศึกษา ที่มีเนื้อหาหลักสูตรสอดคล้องกับการสอบใบประกาศนียบัตรวิชาชีพของไมโครซอฟท์ และ Microsoft Learn แหล่งทรัพยากรเรียนรู้ทักษะเชิงดิจิทัลแบบเปิดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ขณะที่นักวิจัยในสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการก็จะมีโอกาสได้เข้าถึงความรู้ความเชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยของไมโครซอฟท์ทั่วโลก เพื่อนำมายกระดับงานวิจัยของคนไทยต่อไป 

Executives on large stage

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้สานต่อความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนักเรียน ครู โรงเรียน และหน่วยงานทางการศึกษา ภายใต้โครงการ การขับเคลื่อนการศึกษาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล” (Digital Transformation in Education) ซึ่งครอบคลุมถึงการวางกรอบโครงสร้างเพื่อปรับรูปแบบการเรียนการสอนด้วยเทคโนโลยี การยกระดับทักษะความสามารถเชิงดิจิทัลของบุคลากรครู และการมอบซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง Office 365 เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ในสถานศึกษาในเครือ สพฐทั่วประเทศเป็นเวลา ปีเต็ม 

Group of people with thumbs up

ความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับ สพฐนับเป็นการขยายผลจากโครงการที่ไมโครซอฟท์ร่วมจัดทำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา เพื่อจัดหลักสูตรอบรมทักษะเชิงดิจิทัลให้กับครูอาจารย์ 500 ท่านจาก 500 โรงเรียนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดทักษะดังกล่าวจากบุคลากรครูไปสู่นักเรียนระดับมัธยมศึกษากว่า 50,000 คน 

ผลักดันมาตรฐานเชิงจริยธรรม สร้างกรอบการพัฒนา AI อย่างยั่งยืน 

อีกหนึ่งความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาในรูปของการสนับสนุนนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อร่างเอกสารหลักการและแนวทางเชิงจริยธรรมสำหรับการพัฒนาและใช้งาน AI ภายใต้ชื่อ “Digital Thailand – AI Ethics Guideline” ซึ่งมุ่งวางกรอบแนวทางปฏิบัติใน ด้านใหญ่ ๆ ได้แก่ ความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความสอดคล้องกับกฎหมาย จริยธรรม และมาตรฐานสากล ความโปร่งใสและภาระความรับผิดชอบ ความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ความเท่าเทียม หลากหลาย ครอบคลุม และเป็นธรรม และความน่าเชื่อถือ 

Group of executives in front of white backdrop

การที่ประเทศไทยเป็นชาติแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไมโครซอฟท์เข้ามาให้คำปรึกษาในด้านจริยธรรม AI นั้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่าด้วยเทคโนโลยี โดยไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความล้ำสมัยของนวัตกรรมเพียงอย่างเดียว” นายธนวัฒน์กล่าวเสริม “เรายังคำนึงถึงโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จที่คนไทยทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับความสามารถควรจะมีสิทธิ์ได้รับจากเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมกัน และมุ่งหวังให้ AI เป็นฟันเฟืองที่นำพาความก้าวหน้ามาสู่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน”