ประเทศไทย, 20 มีนาคม 2563 -ไมโครซอฟท์กับปีที่ 3 ของ Teams แพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดการสร้างวัฒนธรรมองค์กรรูปแบบใหม่ๆ ในยุคดิจิทัลจากการทำงานร่วมกันทั่วโลก
กว่าหลายพันองค์กร ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ได้ใช้งาน Teams เป็นศูนย์กลางของการทำงานในแต่ละวัน โดยช่วยให้พวกเขาเชื่อมต่อและมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้ ในปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน Teams ในแต่ละวัน จำนวน 32 ล้านคนทั่วโลก* ซึ่งรวมถึง 93 จาก 100 องค์กรที่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) และองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีพนักงานจำนวนกว่า 444,000 คน เช่น เอินส์ท แอนด์ ยัง (Ernst & Young) เอสเอพี (SAP) คอนติเนนทอล เอจี (Continental AG) และแอคเซนเชอร์ (Accenture)
นายจาเร็ด สปาทาโร รองประธานบริษัท ฝ่าย Microsoft 365 กล่าวว่า “ตั้งแต่ที่เราได้เปิดตัว Teams เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ได้มีการพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางของการทำงานเป็นทีม โดยเป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถพบปะ พูดคุยทางการพิมพ์และการใช้เสียง พร้อมที่จะแชร์และทำงานร่วมกันได้ในช่องทางเดียว เราจะยังพัฒนาและขยายประสบการณ์สำหรับคนทำงานทั้งหมดให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำงานและเชื่อมต่อกันมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงผลักดันให้ผู้คนในทุกพื้นที่ทำงานและเรียนรู้จากทางไกล การช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถทำงานทางไกลได้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราตอนนี้ และเรารู้สึกขอบคุณที่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น”
ฟีเจอร์ใหม่ใน Teams
เพื่อแสดงให้เห็นความสำคัญในครั้งนี้ ไมโครซอฟท์ขอประกาศการอัปเดทฟีเจอร์ใหม่ ที่จะให้บริการใน Teams ดังนี้
- การลดเสียงรบกวนแบบเรียลไทม์ เพื่อลดผลกระทบจากเสียงข้างหลังที่สร้างการรบกวนในขณะประชุมไม่ว่าจะเป็น conference call หรือ vdo conference ฟีเจอร์ที่เป็น AI ตัวนี้จะช่วยโฟกัสเสียงพูดเพื่อให้ผู้ใช้ได้ยินสิ่งที่กำลังพูดอยู่ชัดเจน
- ฟีเจอร์ยกมือที่ช่วยให้ใครก็ตามในการประชุมสามารถส่งสัญญาณเสมือนจริงว่าพวกเขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง เมื่อผู้เข้าร่วมการประชุมจากทางไกลต้องการพูดระหว่างการประชุม ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งกับการประชุมที่มีขนาดใหญ่ เพื่อให้มั่นใจว่าเราให้ความสำคัญกับทุกความเห็นของผู้ร่วมประชุม
- ผนวกการใช้ Teams แบบประยุกต์บนอุปกรณ์สวมศรีษะ RealWear HMT-1 เพื่อให้พนักงานหน้างานที่ทำงานติดต่อกับลูกค้าหรือติดต่อกับหลังบ้านโดยตรงสามารถเข้าถึงข้อมูลและสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญทางไกลได้แบบ hands-fee จากสถานที่ทำงานของพวกเขา ซึ่งเป็นที่ใดก็ได้
- แอปการจองใน Teams หรือ Bookings app เพื่อให้แน่ใจว่านัดต่างๆ เช่น การนัดพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของคนไข้ หรือการสัมภาษณ์ผู้สมัครงานสามารถจัดตาราง จัดการ ควบคุมได้อย่างง่ายดาย ไม่พลาดนัด
- การแสดงแชทในหน้าต่างแยก เพื่อช่วยให้คุณสามารถปรับขั้นตอนการทำงานให้มีความคล่องตัวขึ้น และสับเปลี่ยนหน้าต่างได้ง่ายขึ้นระหว่างการสนทนาอย่างต่อเนื่อง
- ความช่วยเหลือแบบออฟไลน์และในที่อับสัญญาณ ช่วยให้คุณสามารถอ่านข้อความในแชทและเขียนคำตอบได้ แม้ว่าจะไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ช่วยให้คุณสามารถทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม
นอกเหนือจากฟีเจอร์ใหม่แล้ว ไมโครซอฟท์ยังขยายอีโคซิสเท็มเพื่อยกศักยภาพของ Teams ด้วยเครื่องมือใหม่ต่างๆ ที่รับรองการทำงานร่วมกัน ประกอบด้วย Yealink VC210 รุ่นใหม่ ซึ่งวางจำหน่ายแล้วในขณะนี้ (ในสหรัฐอเมริกา) เป็นอุปกรณ์เพื่อความร่วมมือชิ้นแรกที่ได้รับการรับรองการทำงานร่วมกับ Teams และทำหน้าที่เชื่อมต่อลำโพง ไมโครโฟน กล้อง และแอป Teams เพื่อมอบประสบการณ์การประชุมสำหรับห้องประชุมขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งและจัดการได้ง่าย นอกจากนี้ Bose Noise Cancelling headphone 700 UC จะวางจำหน่ายในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย
ด้วยความสามารถใหม่ๆ เช่นนี้ ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การประชุมที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าและนำโซลูชั่นเทคโนโลยีไปสู่ผู้ประกอบอาชีพที่ยังไม่สามารถเข้าถึงโอกาสนีได้ให้สามารถเข้าใช้งานได้ รวมถึงพนักงานที่ติดต่อกับลูกค้าโดยตรงซึ่งในที่นี่ก็รวมถึงบุคคลากรทางการแพทย์อีกด้วย
ในภูมิภาคเอเชีย Teams ได้ช่วยองค์กรจำนวนมากในการเพิ่มศักยภาพในการทำงานร่วมกัน แม้ในเวลาที่พวกเขาทำงานจากคนละที่ ตัวอย่างเช่นการดำเนินงานตามกฎหมายของศาลแพ่งที่ญี่ปุ่นที่ได้ถูกปรับให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นจากใช้งาน Microsoft Teams เริ่มด้วยการดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับหลักฐานของคดีแพ่งใน 9 พื้นที่ทั่วญี่ปุ่น ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และจะเพิ่มขึ้นอีก 5 พื้นที่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 ซึ่งถือเป็นการนำ Teams ไปใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการตามกฎหมายของคดีแพ่งครั้งแรกของโลก
ในฐานะโรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศนิวซีแลนด์ เซนท์ แมรี่ คอลเลจ (St. Mary’s College) ขับเคลื่อนสู่อนาคตแห่งการศึกษาอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ Office 365 และ Teams เป็นเครื่องมือหลักในการทำงานร่วมกัน เพื่อการใช้งานในการเรียนรู้และการพัฒนา แพลทฟอร์มดังกล่าวได้ช่วยให้ทั้งนักเรียนและอาจารย์สามารถปรับตัวกับการเรียนรู้แบบออนไลน์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยนักเรียนสามารถสนทนาแบบไลฟ์กับอาจารย์ได้ในทันที และอาจารย์สามารถใช้ฟีเจอร์นี้สำหรับจัดการกับกำหนดเวลาส่งงานของชิ้นงานที่ได้รับมอบหมายต่างๆ
*เราให้คำจำกัดความกับของผู้ใช้งานรายวันในแต่ละวัน จากผู้ใช้ที่ตั้งใจใช้งานในระยะเวลาที่นานที่สุดใน24 ชั่วโมง ทั้งลูกค้าที่ใช้งานจากเดสก์ท็อป โทรศัพท์มือถือ และจากเว็บ ซึ่งรวมไปถึงการส่งและตอบแชท การเข้าร่วมการประชุม หรือการเปิดไฟล์ใน Teams แต่การใช้งานที่ไม่ได้มีการโต้ตอบมากนัก เช่น ออโต้บูท การลดขนาดจอ หรือการปิดแอป ไม่ได้ถูกนับในการคำนวนตัวเลขผู้ใช้งานรายวัน