ไมโครซอฟท์เปิดตัว “Viva” แพลตฟอร์มเพื่อพนักงานในยุคดิจิทัล ยกระดับสุขภาพการทำงาน ให้พนักงานได้ก้าวสู่ความสำเร็จที่เหนือกว่า

Smiling faces on a color pattern background
  • Microsoft Viva เป็นแพลตฟอร์มแรกที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับพนักงาน เพื่อให้สามารถทำงานได้ดีที่สุด โดยในขณะเดียวกันก็สามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเข้าถึงทรัพยากรหรือบุคลากรที่ต้องทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คาดการณ์ตลาดในส่วนการลงทุนด้านบุคลากรทั่วโลก มีมูลค่ากว่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9 ล้านล้านบาท)
  • ปูพื้นฐานวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืน โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคลากร ตั้งแต่วันแรกที่เข้างาน

เรดมอนด์ สหรัฐอเมริกา – 5 กุมภาพันธ์ 2564 – ไมโครซอฟท์ เปิดตัว Microsoft Viva แพลตฟอร์มแรกที่สร้างขึ้นเพื่อคุณภาพชีวิตคนทำงาน โดยนำเอาเครื่องมือสำหรับการมีส่วนร่วมของพนักงาน การเรียนรู้ คุณภาพชีวิตที่ดี และระบบฐานความรู้ขององค์กร มาผสมผสานให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานของพนักงานโดยตรง โดย Viva ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้พนักงานเรียนรู้ เติบโตและประสบความสำเร็จด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่สอดรับกับความสามารถในการทำงานและสื่อสารประสานงานด้วย Microsoft 365 และ Microsoft Teams

“ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความจำเป็นในการใช้เทคโนโลยี ข้อมูล และความเข้าใจในตัวข้อมูลนั้น เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ยั่งยืนและมีความพร้อมด้านนวัตกรรม อีกทั้งฟื้นฟูปัจจัยทางสังคมที่หายไป เมื่อเราหันมาทำงานทั้งนอกสถานที่และในออฟฟิศ ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป” สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ กล่าว “การลงทุนในด้านบุคลากร และการสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับพนักงาน สามารถสร้างผลบวกได้โดยตรงในด้านการมีส่วนร่วมของพนักงาน การเก็บรักษาพนักงานไว้ในองค์กร ความพึงพอใจของลูกค้า และผลกำไร ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพนักงานทำงานได้ดีและมีความก้าวหน้า ธุรกิจก็จะเจริญรุ่งเรืองไปเป็นเงาตามตัว”

การเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่นี้ เกิดขึ้นท่ามกลางแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่ต่างมีผลกระทบในระยะยาวกับการมีส่วนร่วมของพนักงานในกิจการและจุดมุ่งหมายขององค์กร โดยในเมื่อองค์กรต่าง ๆ กำลังปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงานให้กระจายตัวมากยิ่งขึ้น มีองค์ประกอบที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น จึงทำให้มีความต้องการโซลูชั่นที่สนับสนุนทั้งในด้านวัฒนธรรมองค์กร การค้นหาความรู้ การเรียนรู้ขณะปฏิบัติงาน และคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงานเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าโซลูชั่นประเภทแพลตฟอร์มเสริมสร้างประสบการณ์พนักงาน (Employee Experience Platforms – EXP) นับเป็นตลาดใหม่ที่มีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9 ล้านล้านบาท) ต่อปี โดยในปัจจุบัน ตลาดนี้เต็มไปด้วยบริการ โครงสร้างพื้นฐาน และเครื่องมือนับร้อยที่บ้างก็ไม่ได้ทำงานประสานกัน บ้างก็ถูกพนักงานมองข้ามไปจนแทบไม่ได้ใช้งาน แม้ว่าองค์กรจะลงทุนไปแล้วก็ตาม

“โลกของการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และนวัตกรรมแห่งอนาคตในด้านนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ การมีส่วนร่วม และคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถสร้างวัฒนธรรมที่มีความยืดหยุ่นสูง และเปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ได้” จาเร็ด สปาทาโร รองประธานฝ่าย Microsoft 365 เสริม “วิสัยทัศน์ของเราคือการนำเสนอแพลตฟอร์มสำหรับเสริมสร้างประสบการณ์ของพนักงานที่ช่วยให้องค์กรสร้างวัฒนธรรมที่พร้อมขับเคลื่อนความสำเร็จ ในมือของพนักงานที่มีส่วนร่วมกับเป้าหมายขององค์กร และกลุ่มผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น”

Microsoft Viva เกิดจากการนำเอาความสามารถของ Teams และ Microsoft 365 มาต่อยอด เพื่อรวมเอาประสบการณ์ของพนักงานใน 4 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ การมีส่วนร่วม ความเป็นอยู่ที่ดี การเรียนรู้ และองค์ความรู้ขององค์กร มานำเสนอในรูปแบบที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ดีที่สุด โดยในวันนี้ ไมโครซอฟท์ได้ประกาศคุณสมบัติชุดแรกของ Viva ซึ่งมีทั้งความสามารถที่ติดตัวมาให้ใช้งานได้ทันที ฟีเจอร์ที่ผสมผสานแนวคิดจากเครือข่ายพันธมิตรของ Viva ที่กำลังเติบโต และการเปิดประตูให้ลูกค้าสามารถนำระบบและเครื่องมือด้านประสบการณ์ของพนักงานที่มีอยู่เดิมให้ใช้งานร่วมกับ Viva ได้ ซึ่งจะทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงและใช้งานบริการเหล่านี้ได้มากขึ้น

สำหรับ 4 คุณสมบัติหลักของ Viva ที่เปิดตัวในวันนี้ มีดังต่อไปนี้

  1. Viva Connections เปิดประตูสู่พื้นที่ทำงานในโลกดิจิทัลที่พร้อมสรรพไม่แพ้ออฟฟิศจริง ให้พนักงานสามารถเข้าถึงประกาศและการสื่อสารต่าง ๆ ภายในองค์กร รวมถึงข้อมูลพื้นฐานภายในบริษัทอย่านโยบายองค์กร สวัสดิการ หรือการมีส่วนร่วมในกลุ่มกิจกรรมของเพื่อนพนักงาน โดยทำได้ทั้งหมดนี้จากแอปเดียวใน Microsoft Teams ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เข้ากับความถนัดของผู้ใช้ได้ แอป Connections นี้จะเปิดใช้งานใน Teams เวอร์ชันเดสก์ท็อปในรูปแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้ทั่วไปตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ก่อนที่จะเปิดตัวแอปพลิเคชันมือถือในปีนี้
  2. Viva Insights ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางการทำงานที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ทั้งในระดับพนักงานรายบุคคล ผู้จัดการ และผู้บริหาร พร้อมช่วยให้ทุกคนในองค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ โดยพนักงานแต่ละคนจะสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของตนเอง ซึ่งผู้อื่นไม่สามารถเปิดดูได้ เพื่อให้บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จัดเวลาพัก เวลาทำงาน และเวลาสำหรับการเรียนรู้ได้อย่างลงตัว ทั้งยังเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้ดียิ่งขึ้น ส่วนผู้จัดการและผู้บริหารก็สามารถวิเคราะห์แนวโน้มด้านการทำงานในระดับทีมและระดับองค์กร พร้อมด้วยคำแนะนำในการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานให้มีประสิทธิภาพและความสุขในที่ทำงาน ข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดนี้รวบรวมและสรุปมาจากข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนของพนักงานคนใด เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว

    นอกจากนี้ แดชบอร์ดใหม่ใน Viva Insights ยังช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถรวบรวมความเห็นของพนักงานจากแพลตฟอร์ม Glint ของ LinkedIn มาผสมผสานเข้ากับข้อมูลการทำงานร่วมกันระหว่างพนักงานจาก Viva Insights ได้ จึงทำให้หัวหน้างานสามารถระบุได้อย่างแม่นยำมากขึ้นว่าทีมไหนที่อาจกำลังประสบปัญหาอยู่ในด้านใด และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน พร้อมทั้งวัดผลที่เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนนั้นได้ นอกจากนี้ Viva Insights ยังสามารถใช้ข้อมูลจากเครื่องมือบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Workday หรือ SAP SuccessFactors ได้เช่นกัน ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน Viva Insights ใน Teams รวมถึงแดชบอร์ด Glint และ Viva Insights เวอร์ชันใหม่พร้อมให้ใช้งานแล้วในแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

  3. Viva Learning ทำให้พนักงานได้ค้นพบและเข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองมากขึ้นในการทำงาน โดยรวบรวมแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ทั้งหมดที่มีในองค์กรไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาจาก LinkedIn Learning, Microsoft Learn หรือผู้ให้บริการรายอื่น ๆ อย่าง Skillsoft, Coursera, Pluralsight และ edX ตลอดจนเนื้อหาต่าง ๆ ที่ทางองค์กรเตรียมไว้เอง ผู้ใช้สามารถค้นหา แชร์ มอบหมาย และติดตามการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบได้ในการทำงานแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนแบบดั้งเดิมหรือเนื้อหาขนาดสั้นแบบ Microlearning ทั้งนี้ แอป Viva Learning มีให้ใช้งานในแบบพรีวิวสำหรับลูกค้าที่สนใจ และในปีนี้จะมีการผนึกเอาระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ชั้นนำอย่าง Cornerstone OnDemand, Saba และ SAP SuccessFactors ให้ใช้งานร่วมกับ Viva Learning ได้อีกด้วย
  4. Viva Topics มอบประสบการณ์การค้นหาความรู้ที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงได้ทั้งข้อมูลและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทั้งบริษัท ด้วย AI ที่ประมวลผลข้อมูลขององค์กรบนแพลตฟอร์ม Microsoft 365 ควบคู่ไปกับองค์ความรู้จากแหล่งอื่น ๆ เช่นบริการอย่าง ServiceNow และ Salesforce ก่อนจะเลือกนำเสนอการ์ดข้อมูลที่เหมาะสมในบทสนทนาหรือเอกสารต่าง ๆ ใน Microsoft 365 และ Teams โดยเมื่อคลิกไปที่การ์ดแล้ว ผู้ใช้ก็จะได้พบกับหน้าเว็บที่รวบรวมข้อมูลในหัวข้อนั้นไว้อย่างครบถ้วน พร้อมด้วยเอกสาร บทสนทนา วิดีโอ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน Viva Topics พร้อมใช้งานแล้วในรูปแบบบริการเสริมสำหรับลูกค้าธุรกิจบนแพลตฟอร์ม Microsoft 365

“Microsoft Viva เป็นแพลตฟอร์มล้ำสมัยเพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่าของพนักงาน และนับเป็นซอฟต์แวร์แนวใหม่สำหรับองค์กร ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของพนักงานในแต่ละวัน” จอช เบอร์ซิน นักวิเคราะห์วิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีประสบการณ์ของพนักงาน กล่าว “Viva จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถผสานเครื่องมือต่าง ๆ ในที่ทำงาน จากเดิมที่กระจัดกระจาย ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ”