เอสซีจี ผนึก ไมโครซอฟท์ ทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร เร่งตอบโจทย์ลูกค้า “ตรงใจ-ฉับไว-ล้ำเทรนด์” ด้วยนวัตกรรมเพื่อโลกอนาคต

เอสซีจี นำโดย (ที่สามจากซ้าย) นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (ที่สองจากซ้าย)นายกุลเชฎฐ์ ธาราจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน เอสซีจีซี และ (ซ้ายสุด) นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริการกลาง เอสซีจี ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ นำโดย (ที่สามจากขวา) นางสาวแอนเดรีย เดลลา แมทเทีย ประธาน ไมโครซอฟท์ เอเชียแปซิฟิก (ที่สองจากขวา) นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย พร้อม (ขวาสุด) นายซาจ คูมาร์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าอุตสาหกรรม ไมโครซอฟท์ เอเชีย เพื่อยกระดับศักยภาพของเอสซีจีสู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ ประเทศไทย

 กรุงเทพฯ – 7 มิถุนายน 2565 เอสซีจีและไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ประกาศผนึกกำลังเพื่อยกระดับศักยภาพของเอสซีจีสู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร มุ่งมอบประสบการณ์ที่ “ตรงใจ-ฉับไว-ล้ำเทรนด์” ยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าด้วยนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลก ที่เสริมความรวดเร็วในการบริการ เพิ่มความเข้าใจในความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า พร้อมขยายขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อเทรนด์ในยุคหน้า ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์นวัตกรรมสู่อนาคต” (Building New Frontiers of Innovation) ในความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของเอสซีจีในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ ให้สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนสอดรับกับยุคดิจิทัลที่มีทางเลือกหลากหลายและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมา เอสซีจีได้นำเทคโนโลยีมาผสานกับการดำเนินงานรอบด้าน ประกอบด้วย 1.) พัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี อาทิ “SCG Biion เทคโนโลยีไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ และ SCG IoT Sensing Thermostat ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศไร้สายอัจฉริยะ เพื่อการประหยัดพลังงาน 2.) บริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า เช่น แพลตฟอร์ม TRUCK GOระบบจัดการบริหารงานขนส่ง (Transportation Management System) สำหรับผู้ประกอบการและบริษัทขนส่งขนาดกลาง-เล็ก ช่วยประหยัดต้นทุนจากการลดเวลาทำงานได้ 60% และแพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์Prompt Plus ช่วยบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้แก่ร้านค้ารายย่อยที่มีทั่วประเทศกว่า 10,000 ราย รวมถึง 3.) พัฒนากระบวนการผลิต เช่น เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) นำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ในโปรเจกต์ บอนไซ (Bonsai) ของไมโครซอฟท์ มาพัฒนาเทคโนโลยี Digital Twin หรือตัวแทนเสมือน ที่ช่วยประเมินผลเพื่อปรับรูปแบบการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การเปลี่ยนเกรดเม็ดพลาสติก การปรับสายการผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น แต่ใช้เวลาน้อยลง”

นายรุ่งโรจน์กล่าวเสริมอีกว่า “เอสซีจีมีความยินดีอย่างยิ่งในการผสานศักยภาพของทั้ง 2 องค์กร เพื่อพัฒนานวัตกรรม สินค้า บริการและโซลูชันที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าครบวงจรของไมโครซอฟท์ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence), การเรียนรู้ของระบบคอมพิวเตอร์ (Machine Learning), เมตาเวิร์ส (Metaverse) และควอนตัม คอมพิวเตอร์ (Quantum Computer) ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก พร้อมศักยภาพของเอสซีจีที่สามารถเข้าใจปัญหาและประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย พัฒนานวัตกรรมที่สอดรับกับวิถีชีวิตของผู้คนและเทรนด์โลก ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้สามารถช่วยส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที”

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์เชื่อว่าเทคโนโลยีจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและสังคมได้ดีที่สุด เมื่อถูกนำไปใช้โดยผู้ที่มีความเข้าใจในความต้องการ โอกาส ความท้าทายของผู้คนได้ลึกซึ้งที่สุด ด้วยเหตุนี้ เราจึงพร้อมเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสซีจีด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ใน 3 ด้านใหญ่ๆ ได้แก่

  •  เพิ่มความ “ตรงใจ” (Building for Intelligence) ท่ามกลางสภาพตลาดและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์และข้อมูลสินค้าที่ตรงกับความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละคน ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อเป็นตัวช่วยลูกค้าในการพิจารณา เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ในร้านค้า เอสซีจี โฮม และช่องทางออนไลน์

อีกหนึ่งตัวอย่างของโครงการในด้านนี้ ได้แก่การวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเชิงลึกบน Digital Commerce Platform ที่ช่วยให้เข้าใจความสนใจของลูกค้าและตลาดแม่นยำมากขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สอดรับกับความต้องการทันท่วงที สามารถที่จะลดเวลารอคอยการยืนยันส่งมอบสินค้าได้ถึง 70%

  •  เสริมความ “ฉับไว” (Building for Agility) ในทุกก้าวของการดำเนินงาน เช่น โครงการ “Smart Manufacturing Campus Solution-CPAC Green Solution” ในธุรกิจ Cement and Green Solution เอสซีจี ได้นำเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และเมตาเวิร์ส (Metaverse) มาผสานเครื่องจักร คน และกระบวนการทำงานเข้าด้วยกัน ทำให้บริหารจัดการกระบวนการผลิตได้รวดเร็ว ปลอดภัย รู้ทันความเสี่ยงในการผลิตล่วงหน้าเพื่อรับมือได้ทัน รวมทั้งช่วยให้ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยในอนาคต จะขยายองค์ความรู้และโซลูชันดังกล่าว ไปสู่เครือข่ายเพื่อร่วมขยายขีดความสามารถการแข่งขันให้กับวงการอุตสาหกรรม
  • และ ต่อยอดความ “ล้ำเทรนด์” (Building for the Beyond) เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ในอนาคต ด้วยการยกระดับกระบวนการพัฒนานวัตกรรมให้รวดเร็ว และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น เช่น การคิดค้นนวัตกรรมผ่านโลกเสมือนในเมตาเวิร์ส (Metaverse) เพื่อเปิดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจี  และการย่นระยะเวลาในการวิเคราะห์-วิจัยนวัตกรรมให้สั้นลง ด้วยเทคโนโลยีควอนตัม คอมพิวเตอร์ (Quantum Computer)

ภายใต้ความร่วมมือนี้ ไมโครซอฟท์ยังพร้อมให้การสนับสนุนแบบครบวงจรเพื่อรองรับการปรับใช้นวัตกรรมดิจิทัลในทุกภาคส่วนของเอสซีจี ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือของไมโครซอฟท์ที่เป็นรากฐานสำคัญในการปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure หรือโซลูชันอย่าง Dynamics และ Microsoft 365 ที่รองรับการทำงานของบุคลากรทั่วทั้งองค์กร ไปจนถึงบริการคลาวด์เพื่อความยั่งยืนอย่าง Microsoft Cloud for Sustainability ที่จะทำงานสอดประสานไปกับแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเป็นธรรม โปร่งใส) ของเอสซีจีเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนโลก ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ โซลูชันใหม่ๆ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ”