ไมโครซอฟท์ พร้อมองค์กรเพื่อสังคม เจเนเรชั่น และกระทรวง อว. ร่วมลดช่องว่างสร้างบุคลากรดิจิทัล

ในการสมัครงานหลายบริษัทต้องการวุฒิการศึกษา ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเรา ก่อนหน้านี้ไม่มั่นใจและไม่กล้าสมัครงานประจำ เพราะเราไม่ได้จบมหาวิทยาลั และถ้าต้องกลับไปเรียนในระบบหรือหลักสูตรก็ใช้เวลานาน การอบรมหลักสูตร JSD เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้เรางานประจำ รายได้มั่นคง ช่วยให้บริหารจัดการชีวิตตัวเองและครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น ต้องขอบคุณโครงการ JSD ที่เป็นอีกเวทีหนึ่งที่ช่วยรีสกิลและอัพสกิล และพิสูจน์ได้ว่าการทำงานที่มั่นคงไม่ได้จำกัดอยู่ที่ระดับการศึกษาเสมอไป โครงการนี้เข้ามาช่วยพัฒนาความสามารถและทักษะให้พร้อมทำงานในวงการดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณอภิสิทธิ์ ลิขิตวัฒนไพศาล อายุ 21 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมต้น มีความสนใจเรื่องการ Coding ตั้งแต่เด็ก จนสามารถทำงานสร้างรายได้ในฐานะฟรีแลนซ์  แต่ยังกังวลเรื่องการทำงานในระยะยาว เนื่องจากขาดประสบการณ์ทำงาในระบบจริงๆ ทั้งยังไม่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งมักเป็นข้อกำหนดในประกาศรับสมัครงาน การได้โอกาสเข้าร่วมหลักสูตร Junior Software Developer (JSD) บูทแคมป์ 12 สัปดาห์ จึงช่วยพัฒนาและเสริมความมั่นใจเส้นทางสู่นักพัฒนาซอฟต์แวร์มืออาชีพจนได้งานประจำในตำแหน่ง Software Engineer ในบริษัทสตาร์ทอัพเพื่อการศึกษาชั้นนำแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ก่อนจบโครงการฯ

Junior Software Developer (JSD) คือ หลักสูตรการอบรมทักษะการทำงานแบบเข้มข้น (Bootcamp) ที่ผู้เรียนไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่จำกัดวุฒิการศึกษาและประสบการณ์ของผู้สมัคร มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการทำงานให้ตรงกับความต้องการจ้างงานให้กับผู้ว่างงาน ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน กลุ่มคนที่ไม่เข้าถึงโอกาสในการจ้างงาน ฯลฯ โดยจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง เจเนเรชั่น ประเทศไทย องค์กรเพื่อสังคมระดับสากลที่พลิกโฉมการศึกษาให้เชื่อมโยงกับความต้องการและการจ้างงานในตลาดแรงงาน ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) รวมถึงองค์กรพันธมิตรชั้นนำอื่นๆ ภายใต้โครงการพัฒนาทักษะเพื่อการจ้างงานตามความต้องการของประเทศโดย GenNX Model  

อีกหนึ่งผู้ประสบความสำเร็จจากโครงการ คือ คุณวีรกิตติ์ โชติปิติทวีพงษ์ หลังจากจบปริญญาตรีสายบริหารมาคุณกันต์ยังคงมองหางานอยู่เป็นเวลานาน  และพบว่าตลาดงานในพื้นที่แถวชุมชนไม่สามารถตอบโจทย์เส้นทางอาชีพในอนาคต คุณกันต์มีความสนใจในเทคโนโลยี blockchain จึงมองหาหลักสูตรเพื่อเพิ่มทักษะ ที่สามารถเรียนรู้จากที่ไหนก็ได้ คุณวีรกิตติ์ โชติปิติทวีพงษ์ กล่าวว่า “การได้เข้าโครงการของเจเนเรชั่น นับเป็นเส้นทางสู่การพัฒนาและสานฝันเพื่อไล่ตามเป้าหมายในงานสายเทคโนโลยีของผมได้เป็นอย่างดี โดยหลังจากจบโครงการคุณกันต์ได้เข้าทำงานในตำแหน่ง Quality Assurance ของบริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่ง 

สร้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์อาชีพ หนุนเป้าหมายสร้างคน 

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของหลักสูตร JSD มีเป้าหมายในการเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศไทยในการสร้างคนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าผ่านภารกิจสำคัญ 3 ด้านหลัก ได้แก่ สร้างคน: พัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลและการเรียนรู้ในทุกระดับ สู่อนาคต: เทคโนโลยีที่เสริมศักยภาพในการคิดและสร้างสิ่งใหม่ๆ อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่า: ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อนำทั้งทักษะและเทคโนโลยีมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง ซึ่ง การสร้างคน เป็นภารกิจเริ่มต้นสำคัญที่ไมโครซอฟท์ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยได้มุ่งพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับคนไทยร่วมกับพันธมิตรทั้งจากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม สู่เป้าหมายสร้างทักษะให้คนไทย 10 ล้านคน ภายในปี พ.ศ.2567 การสนับสนุนหลักสูตร JSD เพื่อผลิตบุคลากรคุณภาพให้กับภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลจึงถือเป็นหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้สำเร็จ   

คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า ดิจิทัล คือ โอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทั้งในปัจจุบันและเพื่ออนาคต ไมโครซอฟท์จึงมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนาทักษะบุคคลเพื่อเพิ่มมูลค่า ให้เป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสในการจ้างงานและขยาย ขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงานประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรเพื่อสนับสนุนหลักสูตร Junior Software Developer ของเจเนเรชั่น ประเทศไทย ในการสร้างโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการเข้าถึงอาชีพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้จริง” 

พัฒนาทักษะคนทำงาน จากความต้องการของอุตสาหกรรม

หลักสูตร JSD ได้รับการออกแบบเนื้อหาร่วมกับผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลกว่า 20 แห่ง เพื่อให้ได้ความต้องการทักษะที่แท้จริงจากกลุ่มอุตสาหกรรม โดยตำแหน่ง นักพัฒนาซอฟต์แวร์ เป็นอาชีพที่ต้องการมากที่สุดในสาขานี้ เจเนเรชั่นจัดการฝึกอบรมแบบเข้มข้นระยะสั้น ทั้งหมด 5 รุ่น แบ่งผู้เรียนรุ่นละ 50-60 คน ตั้งเป้าในการสร้างบุคลากรดิจิทัลมืออาชีพ 350 คนภายในปี พ.ศ.2566  ผู้เรียนมาจากทั่วประเทศและมีพื้นฐานหลากหลายอาชีพ  ซึ่งทุกคนมุ่งมั่นที่จะอัพสกิลและรีสกิลตนเองให้ก้าวสู่อาชีพสายเทคโนโลยีดิจิทัล 

คุณปุณยนุช พัธโนทัย ผู้บริหารเจเนเรชั่น ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้เรียนของหลักสูตร JSD มีพื้นฐานที่หลากหลายซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้เรียนที่ไม่ได้เรียนจบตรงสาย กลุ่มที่เจออุปสรรคในการเข้าถึงงาน ตกงาน ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดและอาจมีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แต่บริษัทพาร์ทเนอร์ก็ยังสนใจรับผู้เรียนจากโครงการฯ เพราะขาดแคลนคนทำงานที่มีทักษะที่ตอบโจทย์ อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้เรียนที่มุ่งมั่นในสายอาชีพนี้จริงๆ ขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ต้องการหลักสูตรที่ให้การเรียนรู้และการทำจริงเกิดขึ้นเร็วขึ้น ไม่ต้องรอการฝึกงาน ผู้เรียนมีความสามารถพร้อมด้วยทักษะทางเทคนิค ทักษะความสามารถเชิงทรรศนะ  ทัศนคติที่เปิดกว้าง และสามารถปรับเปลี่ยนเรียนรู้เร็วตามความต้องการของบริษัทและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” 

คุณสุภารัตน์ จูระมงคล ผู้อำนวยการ Community Engagement, Microsoft Philanthropies เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า บทบาทของไมโครซอฟท์นอกจากจะเป็นผู้สนับสนุนแล้วยังเป็น connector ไปสู่กลุ่มของผู้ว่าจ้าง บริษัทเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมให้หันมาเปิดโอกาสเพิ่มเติมในการรับผู้สมัครที่ผ่านกระบวนการอัพสกิล โครงการเจเนเรชั่นเข้ามาตอบโจทย์ในจุดนี้ที่ทำงานใกล้ชิดกับ employer และวัดผลสำเร็จไปถึงการจ้างงาน

นอกจากทักษะด้านเทคนิค หลักสูตร JSD ยังได้ติดอาวุธสำคัญให้กับผู้เรียนในโครงการฯ ด้วยทักษะด้านพฤติกรรมและกรอบความคิดที่จำเป็นในการทำงาน หรือ Behavioral Skill and Mindset (BSM) เช่น กรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) ทักษะด้านความละเอียดรอบคอบ  เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นทักษะชีวิตที่จะทำให้พวกเขาทำงานในองค์กรต่างๆได้อย่างยั่งยืน และผู้เรียนยังได้รับการพัฒนาและแนะแนวทางด้านการหางาน สมัครงานและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาจาก ทีมเจเนเรชั่น เมนเทอร์อาสาสมัครซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงในสายดิจิทัล และผู้แทนจากบริษัทพันธมิตร พร้อมโอกาสในการสมัครงานเพื่อเข้าทำงานกับองค์กรพันธมิตรของเจเนเรชั่นและบริษัทอื่นๆในสายงานนี้ 

เพิ่มทักษะดิจิทัลเพื่อสร้างอาชีพที่ยั่งยืน

ตัวชี้วัดความสำเร็จของหลักสูตรเจเนเรชั่น ก็คือ หนึ่งโอกาสในการได้งาน สองรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้เรียน และสาม ระยะเวลาการทำงานในองค์กรและอัตราการลาออกที่ลดลง (Employee Retention) จากข้อมูล เจเนเรชั่นทั่วโลก พบว่า กว่า 81% ของผู้เรียนได้งานภายใน 3 เดือนนับจากจบโครงการ และมีรายได้มากขึ้นเฉลี่ย 3-4 เท่า และ 62% ของผู้เรียนมีระยะเวลาทำงานในองค์กรหนึ่งๆ 2-6 ปี 

เจเนเรชั่นเก็บข้อมูลอย่างจริงจังในทุกขั้นตอน เพื่อนำมาพัฒนาการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยเรามุ่งมั่นจะเป็นส่วนหนึ่งของฟันเฟืองในการแก้ไขเชิงระบบด้านกำลังคนและแรงงาน เพื่อปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำในด้านทักษะที่ยังเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดแรงงานให้มีสภาพการแข่งขันที่รุนแรง หลักสูตรของเราจึงเปิดกว้างให้กับคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนชีวิตด้วยอาชีพที่ยั่งยืน ซึ่งต้องขอขอบคุณ กระทรวง อว. ไมโครซอฟท์ และพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนโครงการฯคุณปุณยนุช กล่าว 

คุณธนวัฒน์ ทิ้งท้ายว่า เป้าหมายของหลักสูตร JSD สอดคล้องอย่างยิ่งกับเป้าหมายของไมโครซอฟท์ ที่กำลังเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยจาก ‘Made in Thailand’ สู่ “Born in Thailand” ที่ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศผู้ผลิต แต่คือ ผู้คิดค้นและสร้างสรรค์โดยมีเทคโนโลยีเป็นจุดเชื่อมสำคัญ ด้วยการสร้างพลังความสามารถ (Empower)ในเรื่องทักษะดิจิทัลให้กับทุกคน ทุกองค์กรบนโลกใบนี้ ซึ่งนอกจากจะสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับผู้เรียนแล้ว ภาคธุรกิจยังมีโอกาสในการได้บุคลากรคุณภาพรุ่นใหม่ที่มีพร้อมทั้งทักษะ ทัศนคติ และความมุ่งมั่นที่จะเติบโตด้วยกัน”  

ปัจจุบันหลักสูตร JSD ดำเนินการไปแล้วทั้งหมด 3 รุ่น และได้ผลิตนักพัฒนาซอฟต์แวร์อาชีพมาขับเคลื่อนวงการเทคโนโลยีดิจิทัลไทยแล้ว กว่า 155 คน