ไมโครซอฟท์เผยปัจจัยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ SME ไทยในยุคดิจิทัล พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ยกระดับการทำงานให้เต็มสมรรถนะกับบริการคลาวด์ระดับโลก Office 365

 |   Thornthawat Thongnab

เสริมศักยภาพและความคล่องตัวให้กับทุกองค์กร
ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 82 บาทต่อผู้ใช้ต่อเดือน

กรุงเทพฯ18 กันยายน 2561 – ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย แนะแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยสู่ความสำเร็จ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างมั่นใจด้วยเทคโนโลยีระดับมืออาชีพจาก Office 365 ชุดซอฟต์แวร์และบริการคลาวด์ที่ให้ทุกคนและทุกองค์กรทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกที่ ทุกเวลา พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษกับราคาเริ่มต้นเพียง 82 บาท[1] (2.50 เหรียญสหรัฐ) ต่อเดือน ต่อผู้ใช้งาน จนถึง 31 ธันวาคมศกนี้

ในปัจจุบัน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทย สามารถสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ได้เป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 42.4 จึงทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีบทบาทเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไป โดยหากมองในภาพรวมแล้ว ไมโครซอฟท์และบริษัทวิจัย IDC คาดการณ์ว่าภายในปี 2564 การปฏิรูปธุรกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Transformation) จะสามารถขับเคลื่อน GDP ไทยให้เติบโตได้ด้วยอัตราเฉลี่ยสูงถึง 3.7% ต่อปี หรือสูงกว่าการคาดการณ์ของธนาคารโลกราว 0.4% และคิดเป็นมูลค่าราว 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.95 แสนล้านบาท)

นายสมศักดิ์ มุกดาวรรณกร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจองค์กร ขนาดกลาง ขนาดย่อม และบริหารพันธมิตร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบัน ทุกธุรกิจต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูง ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าขนาดขององค์กรไม่ได้บ่งชี้ถึงความสามารถและความได้เปรียบทางธุรกิจ ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรแต่อย่างใด ดังนั้น ท่ามกลางตลาดที่กำลังเดินหน้าไปด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล การจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องมุ่งพัฒนาปัจจัยหลัก 5 ประการเพื่อเร่งการพัฒนาขององค์กร ได้แก่ ศักยภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างว่องไว (agility) ความน่าเชื่อถือ (trustworthiness) ความสามารถในการขยายหรือหดตัวตามสภาวะทางธุรกิจ (scalability) การตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาด (responsiveness) และความสามารถในการสร้างสรรค์ (inventiveness)”

ทั้งนี้ ผลวิจัยของไมโครซอฟท์ระบุว่าผู้ประกอบการไทยคาดหวังว่าเทคโนโลยีจะสามารถสร้างความแตกต่างได้มากที่สุดในด้านการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ๆ และการรักษาฐานลูกค้าเดิม ตามมาด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การเพิ่มอัตรากำไร และการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่เดิม แต่ถึงแม้ว่าผู้ประกอบการจำนวนมากจะตระหนักดีถึงบทบาทและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ แต่กลับมีธุรกิจเพียงร้อยละ 7 เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำเชิงกลยุทธ์การปฏิรูปธุรกิจ ขณะที่อีกกว่าร้อยละ 93 ยังคงมีสถานะเป็นผู้ตามอยู่

นายสมศักดิ์กล่าวเสริมว่า “การที่ธุรกิจเอสเอ็มอีจะสามารถปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิทัลให้สำเร็จได้นั้น จะต้องเริ่มจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นับตั้งแต่เครื่องมือในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ช่องทางการติดต่อสื่อสารและประสานงานอย่างคล่องตัว และรากฐานของระบบที่ปลอดภัย”

ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาให้บริการ Office 365 สามารถตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเครื่องมือและระบบในการทำงานแบบมืออาชีพที่ยกระดับการปฏิบัติงานของธุรกิจทุกขนาดให้มีมาตรฐานยอดเยี่ยมไม่แพ้องค์กรขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบริการอีเมลสำหรับธุรกิจ พื้นที่จัดเก็บและแชร์เอกสารบนคลาวด์ผ่านบริการ OneDrive for Business แพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์และทำงานเป็นทีมด้วย Skype for Business และ Microsoft Teams และอื่นๆ อีกมากมาย

บริษัท สำนักกฎหมายสากล ธีรคุปต์ จำกัด เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจกลุ่มเอสเอ็มอีที่นำ Office 365 มายกระดับการทำงานอย่างทั่วถึง ในฐานะสำนักกฎหมายรุ่นใหม่ที่ทำงานด้วยความคล่องตัวสูง ด้วยทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายและภาษีอากรที่มีความเชี่ยวชาญรอบด้าน ครอบคลุมงานในด้านตลาดทุน การควบรวมกิจการ ภาษี และอื่นๆ อีกมากมาย โดยนอกจากบริการพื้นฐานในการติดต่อสื่อสารและประสานงานแล้ว Office 365 ยังมอบเครื่องมือที่คุ้นเคยในการสร้าง แก้ไข และจัดการเอกสารต่างๆ อย่างรวดเร็วและแม่นยำอีกด้วย

ดร. อนุพันธ์ กิจนิจชีวะ หุ้นส่วนอาวุโส สำนักกฎหมายสากลธีรคุปต์ เผยว่า “ความท้าทายหลักๆ ในการทำงานของสำนักกฎหมาย คือการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา ควบคู่ไปกับความถูกต้องแม่นยำตามตัวบทกฎหมาย ขณะที่เนื้องานในแต่ละกรณีก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป จึงทำให้เราต้องอาศัยความสามารถของทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่อาจออกทำงานภาคสนามได้แบบตัวคนเดียว หรือทำงานประสานไปกับทีม ดังนั้น โจทย์ข้อสำคัญของเราจึงอยู่ที่การทำงานให้คุ้มค่ากับเวลามากที่สุด คล่องตัวที่สุด สำหรับทั้งลูกค้าและทีมงานของเราเอง ขณะที่การเก็บรักษาข้อมูลของเราและของลูกค้าให้ปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่ง Office 365 สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยมาตรฐานระดับโลกด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุมตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลบนคลาวด์ไปจนถึงการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน”

“นอกเหนือจากเครื่องมือพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไปอย่าง Word, Excel หรือ PowerPoint แล้ว เรายังนำแอปพลิเคชันอย่าง Visio มาใช้ทำแผนภาพในรูปแบบเฉพาะทาง เช่นในกรณีของการปรับโครงสร้างองค์กรหลังควบรวมกิจการเป็นต้น ส่วนในด้านของการติดต่อสื่อสารและประสานงานภายในบริษัท เรากำลังพิจารณาที่จะนำ Teams ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานเป็นทีมที่มีคุณสมบัติรอบด้านเข้ามาใช้งาน เพื่อดึงศักยภาพของทุกคนในองค์กรออกมาอย่างเต็มที่”

ผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับการทำงานของธุรกิจเอสเอ็มอีให้ก้าวไกล สามารถรับข้อเสนอพิเศษจากไมโครซอฟท์ได้ กับบริการ Office 365 Business Essentials ที่มอบระบบพื้นฐานในการทำงานอย่างครบถ้วนทั้งอีเมล คลาวด์แชร์ไฟล์ และการประชุมทางไกล พร้อมด้วยแอปพลิเคชัน Office ที่ทุกคนคุ้นเคยสำหรับอุปกรณ์แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ด้วยราคาเริ่มต้นที่ลด 50% เหลือเพียง 82 บาท (2.50 เหรียญสหรัฐ) ต่อเดือน ต่อผู้ใช้งานเท่านั้น หรือเสริมศักยภาพได้อีกขั้นด้วยบริการ Office 365 Business Premium ที่ตอบโจทย์ได้ครบครันยิ่งขึ้นด้วยแอปพลิเคชัน Office สำหรับเครื่องพีซีเต็มรูปแบบครบชุด พร้อมด้วยโซลูชันที่ออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ อย่าง Bookings และ Outlook Customer Manager ในราคาพิเศษที่ลด 20% เหลือเพียง 327 บาท (10 เหรียญสหรัฐ) ต่อเดือน ต่อผู้ใช้งาน โดยข้อเสนอพิเศษนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2561

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ Office 365 สำหรับภาคธุรกิจได้ที่ https://aka.ms/ContactMicrosoftTH

[1] อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐ = 32.65 บาท ณ วันที่ 13 กันยายน 2561