ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์สร้างประโยชน์ให้กับสาธารณะ
กรุงเทพฯ 25 พฤษภาคม 2559 – นายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอ บริษัท ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศในงาน Technology for Good (เทคโนโลยี ฟอร์ กูด) ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ในวันนี้ ว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับประโยชน์จากการที่ไมโครซอฟท์จะบริจาคเทคโนโลยีคลาวด์ รวมมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับองค์กรไม่แสวงผลกำไรและนักวิจัยของมหาวิทยาลัย ในระยะเวลา 3 ปี นับจากนี้
นายนาเดลลาได้ตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาที่จะตอบแทนแก่สาธารณะ ต่อหน้าตัวแทนจากองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย กว่า 50 แห่ง โดยไมโครซอฟท์ได้จัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อ Microsoft Philanthropies (ไมโครซอฟท์ ฟิแลนทรอฟีส์) ขึ้น เพื่อทำงานด้านช่วยเหลือสังคมโดยใช้เทคโนโลยี โดยไมโครซอฟท์ ได้บริจาคเทคโนโลยีคลาวด์มูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร กว่า 70,000 แห่งทั่วโลก
ในช่วงการเสวนาบนเวที ซึ่งมีผู้เข้าร่วมฟังเป็นตัวแทนจากองค์กรไม่แสวงผลกำไรชั้นนำในประเทศไทย นายนาเดลลา กล่าวว่า “สำหรับไมโครซอฟท์ ภารกิจของพวกเรา คือ เป็นกำลังสำคัญให้ทุกคนและทุกองค์กรในทุกมุมโลกได้บรรลุผลสำเร็จที่ดียิ่งกว่า ในการที่จะทำให้ภารกิจนี้ประสบความสำเร็จ เทคโนโลยีที่ดีเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากยังมีกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสที่ยังต้องการความช่วยเหลืออีกเป็นจำนวนมาก และเทคโนโลยียังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ได้ เพื่อที่จะบรรลุพันธกิจนี้ ไมโครซอฟท์จึงต้องทำให้มากกว่า ด้วยการมอบศักยภาพให้กับทุกคนบนโลกนี้ได้เข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียมกัน”
ตลอดระยะเวลา 22 ปี ในประเทศไทย ไมโครซอฟท์ได้มุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อเป็นพันธมิตรในระยะยาวของประเทศไทย ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงผลกำไรและองค์กรธุรกิจต่างๆ ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์มาลดช่องว่างเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี
ในประเทศไทย ไมโครซอฟท์ ได้บริจาคซอฟต์แวร์รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 70 ล้านบาท ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ กว่า 430 แห่ง พร้อมการฝึกอบรมเทคโนโลยีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยให้องค์กรเหล่านั้นมีศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในการที่จะช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสของตนได้ดียิ่งขึ้น
สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน หรือ พีดีเอ (PDA) เป็นหนึ่งในองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ได้ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ในการพัฒนาสังคม พีดีเอ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2517 โดยนักพัฒนาสังคม อย่างคุณมีชัย วีระไวทยะ โดยในปี พ.ศ. 2552 พีดีเอยังได้ก่อตั้งโรงเรียนมีชัยพัฒนา ที่ จ.บุรีรัมย์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “โรงเรียนไม้ไผ่” โดยโรงเรียนแห่งนี้ มีการสอนที่ความแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ตลอดชีวิตและแหล่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมสำหรับชุมชน
นายมีชัย กล่าวว่า พีดีเอได้จับมือกับไมโครซอฟท์ในการสนับสนุนการศึกษาของไทยและสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี “จากความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ อย่าง Office 365 (ออฟฟิศ 365), Skype (สไกป์) และ Sway (สเวย์) ช่วยให้องค์กรของเราสามารถทำงานต่างๆ ได้สำเร็จรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และช่วยส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่นักเรียนอย่างสร้างสรรค์และก้าวหน้า”
“ที่โรงเรียนไม้ไผ่ เราไม่ได้สอนให้เด็กของเราใช้เทคโนโลยี เพียงแค่การหาข้อมูลบนอินเทอร์เนต แต่เราต้องการสอนให้พวกเขารู้จักใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือชุมชนของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกษตรกรรม สุขภาพ และที่สำคัญเรื่องการศึกษา ด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ เราสามารถพัฒนาเด็กให้กลายเป็นผู้นำในชุมชนของพวกเขา และเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น” นายมีชัยกล่าว
ยกตัวอย่างเช่น การที่พนักงานไมโครซอฟท์จิตอาสา ได้เข้าไปช่วยพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ให้กับเกษตรกรในการโปรโมตผลิตภัณฑ์กล้วยตาก รวมถึงการสร้างอีเมล์และโซเซียลมีเดียเพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ไปสู่ลูกค้าในวงกว้าง ซึ่งช่วยทำให้รายได้ของชุมชนเพิ่มขึ้นจากเดิม 10 เปอร์เซ็นต์
“ในขณะที่เทคโนโลยีมีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องทำเพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีและการพัฒนาศักยภาพของครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายโรงเรียนที่ห่างไกลกว่า 1,000 แห่ง ที่พีดีเอพยายามเข้าถึง ผมเชื่อว่าความมุ่งมั่นที่แสดงให้เห็นผ่านคุณสัตยาและไมโครซอฟท์ในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวของการช่วยลดช่องว่างดังกล่าวในประเทศไทย” นายมีชัยกล่าวเพิ่มเติม
นายอรพงศ์ เทียนเงิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าไมโครซอฟท์ เชื่อว่าแนวคิดของ “Public Cloud for Public Good (คลาวด์สาธารณะ เพื่อสาธารณะประโยชน์) จะสามารถเป็นจริงได้ต้องได้รับการสนับสนุนจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทักษะ ความเชื่อมั่น และความเป็นผู้นำ “ไมโครซอฟท์ ได้มีการลงทุนมหาศาลใน 4 ปัจจัยนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต แต่เพื่อสร้างศักยภาพ ปกป้อง และสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ที่ใช้เทคโนโลยี หากเราร่วมมือร่วมใจกัน เราจะสามารถนำคลาวด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่ออนาคตที่สดใสของคนไทยพร้อมๆ กับผู้คนในทั่วทุกมุมโลก”