ร่วมผนึกกำลังกับสถานศึกษาไทย เติมเต็มช่องว่างด้านทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และยกระดับทักษะแรงงาน
กรุงเทพฯ – 22 พฤษภาคม 2558 – บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยรายชื่อ 10 สถาบันการศึกษาชั้นนำแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากโครงการ “Student Advantage” ของบริษัท ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรของแต่ละสถาบันสามารถติดตั้งและใช้งานชุดซอฟต์แวร์ Office 365 ProPlus ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือระดับโลกเพื่อการทำงานที่องค์กรระดับฟอร์จูน 500 เลือกใช้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้ นักเรียน-นักศึกษาแต่ละคนจะสามารถใช้งาน Office 365 ได้จากดีไวซ์ส่วนตัวของตนเอง (รองรับคอมพิวเตอร์พีซีและแมคสูงสุด 5 เครื่อง) ทั้งในแบบออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือที่พัก
รายงานจาก IDC ระบุว่าผู้ว่าจ้างในปัจจุบันกำลังมองหาพนักงานที่มีทักษะสำคัญ 20 ประการเพื่อเข้าทำงานในสายงานที่มีรายได้สูงและมีโอกาสเจริญก้าวหน้า โดยในจำนวน 20 ทักษะนี้ พบว่าทักษะการใช้งาน Office มีความสำคัญสูงสุดเป็นอันดับ 3 โดยทักษะการใช้แอพพลิเคชัน Office อย่าง PowerPoint และ Word ติดอันดับ 11 และ 13 ด้วยเช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับทักษะการใช้งานซอฟต์แวร์อื่นๆ แล้ว พบว่าผู้ว่าจ้างให้ความสำคัญกับการใช้ Office สูงกว่าถึง 5 เท่าตัว[1]
ด้วยเหตุนี้เอง ไมโครซอฟท์จึงก่อตั้งโครงการ Student Advantage ขึ้น เพื่อสร้างทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับนักเรียน-นักศึกษาในปัจจุบัน และปูทางให้เยาวชนได้เติบโตสู่ความเป็นแรงงานระดับคุณภาพในอนาคต
จวบจนปัจจุบัน มีนักเรียน-นักศึกษาไทยกว่า 77,000 คนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้โครงการดังกล่าว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งเยาวชนและบุคลากรในภาคการศึกษา โดย 10 สถานศึกษาชั้นนำที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ มีดังต่อไปนี้:
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
- มหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชร
- มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด (ประเทศไทย)
- สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)
- โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
- โรงเรียนบางกอกพัฒนา
- โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ (Bangkok International Preparatory & Secondary School)
- โรงเรียนนานาชาติ NIST
- โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
- โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส
Office 365 เป็นซอฟต์แวร์เพื่อการทำงานที่เหมาะสมกับการใช้งานด้านการศึกษาเป็นอย่างดี โดยเข้ากันได้กับระบบการเรียนรู้แบบทุกที่ ทุกเวลาในปัจจุบัน สำหรับชุดซอฟต์แวร์ Office 365 ProPlus ประกอบไปด้วย แอพพลิเคชันระดับมาตรฐานที่ทุกคนคุ้นเคยอย่าง Word, PowerPoint และ OneNote พร้อมด้วยเว็บแอพ Office Online และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ถึง 1 เทราไบต์จาก OneDrive for Business เพื่อรองรับทุกความต้องการในการทำงานและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ตามวิถีแห่งการเรียนรู้ในยุคศตวรรษที่ 21 บนมาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวขั้นสูงสุด นักเรียน-นักศึกษาและครูผู้สอนสามารถใช้แอพพลิเคชัน Lync ในการติดต่อประสานงานอย่างรวดเร็ว ส่วนแอพ OneNote ก็ช่วยให้บุคลากรครูสามารถแลกเปลี่ยนแผนการเรียนการสอน บันทึกการสอน ภาพถ่าย และแนวคิดต่างๆ ได้จากทุกดีไวซ์ ทุกที่ และทุกเวลา
ซอฟต์แวร์ทั้งหมดนี้ล้วนมีมาตรฐานสูงสุดด้านความปลอดภัยของข้อมูล อันถือเป็นหลักปฏิบัติสำคัญของไมโครซอฟท์ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเยาวชนให้ไม่รั่วไหล ปัจจุบัน โครงการ Student Advantage มอบสิทธิประโยชน์ครอบคลุมสถาบันการศึกษาถึง 35,000 แห่งทั่วโลก โดยภายในปี 2558 นี้ อาจมียอดนักเรียน-นักศึกษาที่มิสิทธิใช้งาน Office 365 ProPlus ทั่วโลกรวมถึง 20 ล้านคน
“ในปี 2568 กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาจะมีจำนวนเยาวชนในระดับอุดมศึกษาเพิ่มมากขึ้นกว่า 63 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งเยาวชนเหล่านี้อาจเติบโตขึ้นมาเป็นบุคลากรที่มีความสามารถ และเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไปได้” นายฮาเรซ คูบจันดานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ในปี 2568 ประเทศเหล่านี้จะมีเยาวชนที่สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) มากถึง 16 ล้านคนในแต่ละปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.3 ล้านคนในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 5 เท่าตัว เนื่องจากประเทศในกลุ่มหลังนี้จะมีความต้องการบุคลากรที่มีความสามารถสูงเป็นอย่างมาก เราจึงจะได้เห็นการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อแย่งชิงแรงงานคุณภาพในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
“สำหรับประเทศไทยนั้น เป็นที่คาดการณ์กันว่าจะมีจำนวนเยาวชนที่สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชา STEM ติด 5 อันดับแรก โดยยอดผู้สำเร็จการศึกษาดังกล่าวในปี 2568 อาจเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันถึง 74% ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ประสบความสำเร็จในการยกระดับทักษะด้านไอทีของเยาวชนไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานโลก ผ่านทางโครงการต่างๆ มากมาย ส่วนโครงการ Student Advantage ที่ดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือกับสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศ จะช่วยให้เราสามารถเสริมศักยภาพทางการศึกษาของประเทศไทย และวางรากฐานทักษะสำคัญสำหรับชีวิตการทำงานในศตวรรษที่ 21 อันถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป”
ดร.จอมขวัญ ผลภาษี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า “มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีความร่วมมือกับบริษัท ไมโครซอฟท์ เป็นโครงการ “Microsoft Student Advantage” เพื่อสร้างเสริมธรรมาภิบาลและยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทย โดยมหาวิทยาลัยฯ สนับสนุนและส่งเสริมการต่อต้านการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาโดยตลอด ด้วยตระหนักว่านอกจากการให้ความรู้และทักษะด้านการศึกษาแก่นักศึกษาแล้ว มหาวิทยาลัยควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักศึกษาในการปลูกฝังจิตสำนึกด้านการใช้งานผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์ โดยจากการมุ่งมั่นในการใช้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์นี้ มหาวิทยาลัยฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากไมโครซอฟท์ และหนึ่งในนั้นคือการที่อาจารย์และนักศึกษาของสถาบัน ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ซึ่ง โปรแกรม Microsoft Office Pro Plus เป็นชุดโปรแกรมหนึ่งที่มีส่วนสำคัญช่วยส่งเสริมการเรียนการสอน ตามที่มหาวิทยาลัยมุ่งหวังให้พัฒนาก้าวหน้าสู่ความเป็นเลิศด้านคุณภาพการศึกษา และบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยมากกว่าร้อยละ 90 จะประสบความสำเร็จทางธุรกิจและมีงานทำ ซึ่งสถาบันการศึกษาทุกแห่งมีหน้าที่ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างศักยภาพของเยาวชนและบัณฑิตในอนาคต
สุดท้ายนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มุ่งมั่นที่จะรณรงค์สร้างวัฒนธรรมในการพัฒนาเยาวชนให้รู้จักการใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ ควบคู่ไปกับการใช้อุปกรณ์ IT ต่างๆ เพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีและความรอบรู้ให้ก้าวหน้าต่อไปเป็นผู้นำทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป”
ดร.วรนุช ตรีวิจิตรเกษม ผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กล่าวอีกว่า “การยกระดับการศึกษาในระบบเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอต่อการเติมเต็มช่องว่างทางทักษะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของแรงงานเพื่ออนาคตที่ดี หลักสูตรการศึกษาและการฝึกสอนทักษะเพิ่มเติมจะต้องดำเนินไปอย่างสอดคล้องกัน เพื่อรองรับความต้องการของทางภาคอุตสาหกรรม การจะประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายนี้ได้ จะต้องเริ่มต้นที่การพัฒนาศักยภาพของเยาวชน เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะสูง โครงการ Student Advantage เปิดโอกาสให้บุคลากรครูและนักเรียนได้ใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ที่มีคุณสมบัติเท่าเทียมกัน และยังสามารถนำเครื่องมือเพื่อการทำงานจากชุดซอฟต์แวร์ Office มาปรับใช้งานเพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน การติดต่อสื่อสาร และการประสานงานระหว่างกันได้”
สถานศึกษาที่สนใจในโครงการนี้ สามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสมัครเข้าร่วมโครงการและสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับได้ที่เว็บไซต์ http://www.microsoft.com/th-TH/default.aspx หรือติดต่อ คุณธนชาติ วิวัฒนภูติ [email protected]
##
ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์
บริษัท ไมโครซอฟท์ (NASDAQ “MSFT”) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518 เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการ ซอฟต์แวร์ ดีไวซ์ และโซลูชั่นที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจ
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 มีความมุ่งมั่นในการช่วยให้คุณภาพชีวิตคนไทย 70 ล้านคน ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ ไมโครซอฟท์ ส่งเสริมให้คนไทยและภาคธุรกิจได้ตระหนักถึงศักยภาพที่มีอย่างเต็มเปี่ยมผ่านการใช้เทคโนยี เทคโนโลยีที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลง ในการทำงาน การใช้ชีวิต และการสื่อสาร ไมโครซอฟท์ให้บริการซอฟต์แวร์ บริการ และดีไวซ์ ที่สามารถก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ มีความสะดวกทันสมัย และช่วยให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไมโครซอฟท์ ไม่หยุดนิ่งในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตร อย่างต่อเนื่องในการนำพลังของเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมหรือติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดได้ทางศูนย์ข่าวสารประเทศไทย (https://news.microsoft.com/th-th-stage/) และทวิตเตอร์ @MicrosoftTH
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ (สำหรับสื่อมวลชน)
คุณนิลาวรรณ มีเดช
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ ประเทศไทย
โทรศัพท์: 0-2627-3501 ต่อ 127 หรือ 086-980-6551
อีเมล: [email protected]